ไลฟ์สไตล์

บ้านมิตรไมตรี ที่พึ่งคนเร่ร่อน

บ้านมิตรไมตรี ที่พึ่งคนเร่ร่อน

09 ก.ย. 2555

บ้านมิตรไมตรี พส. สถานีสวัสดิการ-ที่พึ่งคนเร่ร่อน : คอลัมน์ท่องโลกเรียนรู้ : โดย... หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ

             "ตอนนั้นหนูกำลังอยากตาย ไม่อยากอยู่ เงินหมด ไม่ได้กินข้าว ไม่มีที่ไป แต่มีคนมาพบและชวนคุยว่า ชีวิตเรามีค่า ทำให้หนูตั้งสติได้ แล้วพี่คนนั้นก็บอกให้หนูนั่งรถเมล์มาที่บ้านพักนี่ แล้วชีวิตหนูก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง" อ้อย หญิงสาววัย 25 ปี เล่าให้ฟังถึงชีวิตหลังพ้นโทษจากเรือนจำ มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สามารถกลับไปบ้านเกิดได้ จึงมาตั้งหลักที่สนามหลวง จนกระทั่งคิดว่าชีวิตหมดทางไป จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย

               "ตอนหนูมาอยู่ที่บ้านมิตรไมตรีสองสามวันแรก พี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็คุยกับหนู ให้กินข้าว มีที่นอน และไม่ถามอะไรมาก จนหนูสบายใจขึ้น จึงเล่าที่มาของหนูให้ฟัง และขอให้พี่เขาช่วยหางานให้ทำ ก็ได้งานที่ร้านอาหาร ค่าจ้างวันละ 250 บาท พร้อมที่อยู่ที่กิน ถ้าหนูไม่ได้มาที่นี่ก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะจบแบบไหน"

                บ้านมิตรไมตรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงแรงงาน ตั้งอยู่ถนนมิตรไมตรี ใกล้กระทรวงแรงงาน เป็นสถานที่พักพิงสำหรับผู้ที่เสี่ยงจะเป็นคนเร่ร่อน หรือยังไม่มีที่พักพิง เช่น บางคนอพยพมาจากต่างจังหวัดมาหางานทำในกรุงเทพฯ แต่ไม่มีที่พัก ยังหางานทำไม่ได้ ถ้าเครือข่ายหรือเจ้าหน้าที่ไปพบเข้าก็จะส่งมาที่นี่ รวมไปถึงคนเร่ร่อนในสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น สนามหลวง สถานีขนส่ง

              เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จะจัดอาหารให้ 3 มื้อ มีที่พักให้ โดยผู้ที่เข้ามานั้นมีอิสระที่จะออกไปไหนมาไหนได้ เพียงแต่ขอให้อยู่ในกฎระเบียบ ต้องช่วยกันเก็บกวาดที่นอน ที่พัก รับประทานอาหารตามเวลาที่กำหนด ยกเว้นคนที่เข้ามาวันแรก ไม่ว่าดึกแค่ไหน จะได้รับอาหารทันที เพราะบางคนไม่ได้กินข้าวมา 2-3 วัน ต้องงดอบายมุข ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน อยู่ได้แบบมีที่พักและอาหาร 3 มื้อเป็นเวลา 15 วัน เจ้าหน้าที่ก็จะสังเกตว่า แต่ละคนมีบุคลิกลักษณะอย่างไร มีความอดทนขยันขันแข็ง ไม่ลักขโมยหรือไม่ แล้วก็จะเชิญนายจ้างที่ต้องการคนงานเข้ามาคัดเลือกไปทำงาน ส่วนใหญ่ได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท เจ้าหน้าที่จะเก็บไว้ 200 บาท แล้วให้เจ้าตัวเก็บเอง 100 บาท เพื่อสะสมไว้ เมื่อได้จำนวนพอที่จะไปเช่าบ้าน กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการสมทบให้อีกจำนวน 2,000 บาท สำหรับซื้อที่นอน หมอนมุ้ง เมื่อมีงานมีที่อยู่อาศัย อยู่ได้ด้วยตนเอง สามารถออกจากบ้านมิตรไมตรีไปได้

               ปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เล่าว่า บ้านมิตรไมตรีดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2551 อยู่ได้ด้วยงบประมาณของรัฐ และความช่วยเหลือจากเครือข่าย เช่น โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ และโรงพยาบาลราชวิถี ที่ช่วยเหลือให้ผู้มาพักพิงสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ต้องมาเฝ้าไข้พ่อแม่ญาติพี่น้องที่มารับการรักษาหรือผ่าตัด และภาคเอกชนหรือญาติพี่น้องคนที่หายออกจากบ้านแล้วจำความไม่ได้ เพราะมีอาการทางสมอง เมื่อมาพบว่าพักรออยู่ที่นี่ก็จะตอบแทนโดยการบริจาค ซึ่งมีทั้งเงินและข้าวของอุปโภคบริโภคต่างๆ

              "บางคนเราเจอที่สนามหลวง อายุประมาณ 70 ปี เมื่อถูกส่งมาอยู่บ้านมิตรไมตรี เจ้าหน้าที่สอบถามบอกว่าหนีออกจากบ้านมา 5 วัน เราก็ขอบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อจะได้ขอสิทธิเบี้ยคนชรา 500 บาทให้ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่มี เราก็เลยพยายามช่วยโดยให้พาไปที่บ้านเกิดที่ราชบุรี ตามไปตามมาปรากฏว่าแกหนีออกจากบ้านมา 40 ปีแล้ว คือออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 30 กว่า แล้วพักอาศัยอยู่ที่สนามหลวงเป็นเวลา 40 ปี ใครได้รู้เรื่องนี้ก็จะพูดว่า จริงหรือเนี่ย อยู่สนามหลวงได้อย่างไรตั้ง 40 ปี"

             ตอนนี้คุณลุงอยู่ที่บ้านมิตรไมตรีในฐานะลูกจ้าง ทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยทุกวัน ได้รับค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท ส่งกลับไปให้น้องสาวที่ราชบุรีทุกเดือน จนตอนนี้ปลูกบ้านได้หลังหนึ่ง ส่วนตัวคุณลุงก็ใช้เบี้ยยังชีพ 500 บาท โดยบอกว่าชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินอะไรมากมายแค่พอมีกินมีไช้ก็พอ

             อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการเล่าต่อว่า เคยเจอคนเร่ร่อนที่สนามหลวงรายหนึ่ง ปรากฏว่าคุณลุงวัย 75 ปี ที่ดูเหมือนคนสติไม่ดีรายนี้ เป็นข้าราชการบำนาญกระทรวงสาธารณสุข จบการศึกษาปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา แต่ไม่อยากอยู่บ้าน จึงออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ เจ้าหน้าที่จึงชวนให้มาเป็นอาสาสมัครที่บ้านมิตรไมตรีด้านการแปลเอกสารภาษาอังกฤษ รวมทั้งให้ความรู้ด้านภาษากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งคุณลุงก็ยินดีและบอกว่ามีความสุขที่จะอยู่ที่นี่ เพราะได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม ชีวิตมีคุณค่า และคงจะตายตาหลับ แม้ตอนนี้กำลังรักษาโรคมะเร็งอยู่ก็ตาม แต่มีกำลังใจดีและพร้อมจะมีชีวิตเพื่อสังคมต่อไป

            สถานีสวัสดิการ จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของภาครัฐที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มีโอกาสรับสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และหากประชาชนทั่วไปพบเห็นผู้ด้อยโอกาสแล้วอยากให้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือก็สามารถแจ้งที่สายด่วนประชาบดี 1300 ได้เช่นกัน

.............................................
(บ้านมิตรไมตรี พส. สถานีสวัสดิการ-ที่พึ่งคนเร่ร่อน : คอลัมน์ท่องโลกเรียนรู้ : โดย... หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ)