
เรียงความข้าวไทย...เด็กไทยสำนึกบุญคุณข้าว-ชาวนา
ผมไม่เคยรู้เลยว่า ข้าวที่กินทุกๆ วัน ใครเป็นคนปลูก กว่าจะได้ข้าวหนึ่งจานต้องผ่านขั้นตอนมากมายขนาดไหน จนกระทั่งมีโอกาสไปถึงศูนย์วิจัยข้าวที่ จ.ปทุมธานี ได้มีโอกาสดำนาจริงๆ รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะชีวิตที่ผ่านมา ตื่นมาก็ดูทีวี เล่นเกม และอ่านหนังสือ แต่พอม
"น้องภูมิ" ภาคภูมิ รัศมิทัต นักเรียนชั้น ป.4 ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน เจ้าของรางวัลชนะเลิศประกวดเรียงความ “ข้าวไทย เด็กไทย” ระดับชั้น ป.3-ป.4 โครงการข้าวไทย เด็กไทย เรียงความชิงแชมป์ประเทศไทย หัวข้อ “ขอบคุณข้าวไทย” หลังจากที่ได้ไปเรียนรู้ประสบการณ์จริง ที่ศูนย์วิจัยข้าว จ.ปทุมธานี ที่มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชานูปถัมภ์ ร่วมกับข้าวตราฉัตร จาก ซี.พี.อินเตอร์เทรด จัดขึ้น ประทับใจจนยากจะลืม
การทำนาเริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน จากนั้นค่อยลงมือปลูกข้าว มีตั้งแต่การทำนาหว่าน และนาดำ เพาะต้นกล้าให้มีรากงอกยาว 3-5 มิลลิเมตร อายุประมาณ 20-30 วัน จึงถอนต้นกล้าไปปักดำ เมื่อข้าวออกรวงได้ประมาณ 20 วัน ชาวนาเรียกว่า ระยะพลับพลึง ปลายรวงจะมีสีเหลือง กลางรวงเป็นสีตองอ่อน การเก็บเกี่ยวในระยะนี้จะได้เมล็ดข้าวที่มีคุณภาพน้ำหนักดี จากนั้นก็นวดเอาเมล็ดข้าวออกจากรวง บางแห่งใช้แรงงานคน บางแห่งใช้ควายหรือวัวย่ำ หรือใช้เครื่องนวดข้าว และเข้าสู่กระบวนการสุดท้ายเมื่อได้เมล็ดข้าวที่นวดฝัดทำความสะอาดแล้วตากให้มีความชื้นประมาณ 14% จะนำข้าวไปเก็บไว้ในยุ้งฉาง รวมไปถึงอาจแบ่งปันให้เพื่อนบ้าน หรือนำไปขาย
หลังจากได้เรียนรู้การดำนา รู้จักกระบวนการผลิตข้าว “น้องภูมิ” บอกว่า อยากจะพัฒนารูปแบบของข้าว โดยการดัดแปลงขนมกรุบกรอบ ที่ส่วนมากทำมาจากมันฝรั่งทอด เปลี่ยนเป็นข้าวบดตากแห้งแล้วปรุงรส หรือแม้แต่ลูกอมข้าวอัดเม็ดแล้วทำให้เป็นรสผักและรสผลไม้ รวมทั้งอาจสร้างเกมทำนาจำลอง พร้อมกับเมล็ดข้าวให้เพื่อนเล่นๆ จะได้ถือเป็นการปลูกฝังและเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าว และทำนาให้แก่เด็ก
เช่นเดียวกับ "น้องเนย" ด.ญ.ชญานิศ แดงวิรุฬาห์ นักเรียนโรงเรียนชั้น ป.6 ร.ร.อนุบาลสามเสนวิทยาลัย ผู้ชนะการประกวดระดับชั้น ป.5-ป.6 บอกว่า การเรียนนอกห้องเรียนครั้งนี้ ทำให้เธอได้รับรู้ว่า ชาวนาต้องทำงานหนักจริงๆ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน เหนื่อยยากกับการทำนา ปลูกข้าวเพื่อให้เพียงพอต่อคนไทยและจำหน่ายไปยังต่างประเทศ ช่วยเศรษฐกิจ และปากท้องของคนไทย ถือเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ และถ้าไม่ได้เข้าร่วมประกวดเรียงความในครั้งนี้ คงไม่มีทางรู้แน่ว่า อาชีพชาวนามีความสำคัญมากขนาดไหน
น้องเนย เล่าต่อว่า กิจกรรมดังกล่าวช่วยฝึกฝนการใช้ภาษาไทย รู้จักการเรียบเรียงความรู้สึก ประสบการณ์ถ่ายทอดผ่านตัวอักษร ยังทำให้โลกทัศน์กว้างขึ้น รู้จักบุญคุณของข้าว ชาวนา จะนำประสบการณ์ดีๆ ไปถ่ายทอดแก่ครอบครัว เพื่อนๆ ครูอาจารย์ ให้ได้เห็นถึงความยากลำบากของชาวนา สำนึกบุญคุณของชาวนา ข้าวไทย และอยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาบริโภคข้าวไทย ลดการกินขนมกรุบกรอบ ลูกอม
“ตอนนี้หนูรู้ถึงความหมาย ที่คุณครูให้ท่องก่อนรับประทานอาหารว่า ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า ผู้คนอดอยาก ลำบากนักหนา สงสารชาวนา คนยากคนจน ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านี้เลย ครูให้ท่องก็ต้องท่องไป จะได้รับประทานข้าวเร็วๆ” น้องเนยเล่าหลังจากที่ได้ไปเรียนรู้ประสบการณ์จริง
เนยบอกว่า เรียงความที่ชนะเลิศในครั้งนี้ เกิดจากประสบการณ์จริง และความรู้หลังจากได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาตามที่โครงการจัดขึ้น เพราะได้เห็นกระบวนการผลิตข้าว ลงมือดำนาด้วยตนเองเหมือนเราเป็นชาวนาคนหนึ่ง ทำให้รู้ถึงความยากลำบาก และความคิดของชาวนา ได้รู้ว่า ข้าวที่กินทุกวัน ได้มาด้วยความอยากลำบากมากขนาดไหน จะเป็นดียิ่งหากทุกคนช่วยกันรำลึกถึงบุญคุณของข้าว ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ ควรกินข้าวให้หมดจาน เพราะกว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
0 ชุลีพร อร่ามเนตร 0