
น้ำเข้าเครื่อง
น้ำเข้าเครื่อง : คอลัมน์มอเตอร์เวิลด์
ผมเขียนเรื่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับรถ มาหลายตอนแล้วตอนนี้คงเป็น ตอนสุดท้ายแล้วที่เขียนมาทั้งหมดก็เพื่อการเตรียมการป้องกันเมื่อรถต้องเจอกับน้ำในหลายรูปแบบแม้ว่า ปีนี้น้ำจะมาไม่มากเหมือนปีที่แล้วแต่ก็เอาแน่ไม่ได้ น้ำเข้าเครื่องเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ใช้รถเพราะต้องเสียเงินเสียเวลาในการกู้คืนกันเยอะ
ถ้าน้ำเข้าเครื่องในกรณีที่จอดรถทิ้งไว้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรนัก แต่ถ้าน้ำเข้าเครื่องในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงจอดนิ่งหรือวิ่งด้วยความเร็วต่ำๆ ผลเสียหายเยอะ น้ำเข้าเครื่องในขณะที่ติดเครื่อง หรือใช้งานตามปกติ มีด้วยกันสองสาเหตุ สาเหตุแรกสุดก็คือการรั่วภายใน ไม่ว่าจะเป็นปะเก็นฝาสูบ ผุกร่อน รั่วแตกร้าว หรือแม้แต่รั่วจาก ออยล์คูลเลอร์(Oil Cooler) น้ำก็จะเข้าไปในเครื่องผ่านปะเก็นฝาสูบ ฝาสูบโก่งหรือจากรังผึ้งของออยคูลเลอร์ น้ำเข้าเครื่องในลักษณะนี้มีลางบอกเหตุที่สามารถที่จะแก้ไขได้ทัน
ถ้าเป็นคนช่างสังเกต เริ่มต้นก็สังเกตจาก ปริมาณน้ำในหม้อน้ำ ต้องเติมน้ำบ่อยๆ โดยหา จุดรั่ว ภายนอกไม่ได้ กำลังเครื่องตกรถไม่มีแรง เครื่องร้อน เดินเบาสั่น น้ำมันเครื่องมีน้ำผสม(น้ำมันเครื่องจากไม้วัดมีสีเหมือนกาแฟใส่นม) งานนี้อย่างมากที่สุดก็เปลี่ยนปะเก็นฝาสูบใสฝาสูบเปลี่ยนออยล์คูลเลอร์ ค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่สาเหตุซึ่งคนใช้รถจะรับได้
อีกสาเหตุหนึ่งที่น้ำจะเข้าเครื่องในขณะรถวิ่งหรือเครื่องจอดนิ่ง อาการนี้จะเกิดจากรถที่ วิ่งลุยน้ำ ไม่ว่าจะคลานหรือจะไปช้าหรือไปเร็ว น้ำจะเข้าผ่าน ท่อดูดอากาศไอดี เข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ดับทันที ถ้าเป็นอย่างนี้ทางแก้ไขก็ต้องยกเครื่องกันละ วาล์วคดลูกสูบแตก ก้านสูบงอ ปลอกวาล์วเสีย ถ้าเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้งานมานานแล้วเมื่อถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องยอมกัดฟันยกเครื่องเสียเงินกันหลักหมื่นหรือหลายหมื่น
รถปัจจุบันเป็นรถที่ออกแบบมาให้เครื่องแรง(ซีซีน้อยแรงม้าสูง) หลายยี่ห้อต้องใช้เครื่องอัดอากาศเช่น เทอร์โบ คอมเพรสเซอร์ เข้าช่วยอัดอากาศ เครื่องแรงต้องใช้อากาศเข้าห้องเผาไหม้มากและเร็วแม้จะไม่มีเทอร์โบ ถ้ารถจอดหรือวิ่งอยู่บนน้ำการดูดอากาศของเครื่องทำงานเต็มที่แม้รอบต่ำ ถ้าโชคร้ายมีคลื่นลูกโตผ่านมาหน้ารถกระฉอกใส่ปากท่อไอดี โอกาสที่น้ำจะถูกดูดแทนอากาศเข้าไปสู่ห้องเผาไหม้เป็นไปได้สูง ถ้าขับรถลุยน้ำอยู่ดีๆ เครื่องดับไปทันที ตำราว่าห้ามติดเครื่องใหม่ทันควันจนกว่าจะหาสาเหตุได้ เพราะเครื่องจะดับได้จากมากมายหลายสาเหตุ ตรวจสอบง่ายๆ ว่าน้ำเข้าไปในเครื่องทำให้เครื่องดับหรือไม่ ก็ไม่ยากลงจากรถเปิดฝากระโปรง เปิดเสื้อกรองอากาศ ตรวจกรองอากาศว่าเปียกน้ำหรือไม่ ถ้ากรองอากาศไม่เปียกน้ำก็โล่งใจได้ว่าน้ำยังไม่เข้าเครื่อง จะเรียกช่างหรือจะหาสาเหตุด้วยตัวเองว่าเครื่องดับเพราะถูกน้ำเพราะอะไรก็ไม่น่าจะยากสำหรับช่าง
แต่ถ้าเมื่อใดเปิดกรองอากาศออกดูแล้วพบว่าไส้กรองอากาศเปียกโชกไปด้วยน้ำ ก็สบายหายห่วงที่ต้องเรียกรถลากรถยก นำรถเข้าอู่จ่ายมากจ่ายน้อยก็แล้วแต่บุญกรรมที่ทำเอาไว้
ทางแก้ไขหรือป้องกันน้ำเข้าเครื่องแบบนี้ก็ไม่ยากเมื่อน้ำท่วมน้ำขังก็หยุดใช้รถไปสักพักหนึ่ง แต่ถ้าหยุดไม่ได้ก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะขับรถลุยน้ำอย่างถูกต้องและต้องพยายามไม่จอดรถนิ่งๆ บนถนนที่น้ำท่วมโดยเฉพาะบนถนนที่มีรถวิ่งสวนกันได้ มีสติ ขับรถอย่างถูกวิธีน้ำก็ทำอะไรรถเราไม่ได้ครับ
...............................................
(น้ำเข้าเครื่อง : คอลัมน์มอเตอร์เวิลด์ )