
เลาะแขวงคำม่วน เมืองต้องคำสาบพระยาสีโคด
เลาะแขวงคำม่วน เมืองต้องคำสาบพระยาสีโคด : คอลัมน์ท่องต่างแดน : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์
ส่วนใหญ่คนเดินทางไปเที่ยวลาว มักจะใจจดจ่อที่เมืองวัฒนธรรมในดินแดนลาวเหนือ หรือไปสัมผัสกลิ่นอายของธรรมชาติ ชนบท และน้ำตกใหญ่ในลาวใต้ แต่ในครั้งนี้ ฉันเลือกไปเที่ยวตอนกลางของลาว ที่แขวงคำม่วน ดินแดนที่มีถ้ำมากมายและเขาหินปูน รวมถึงมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ผูกพันกับไทย ตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรศรีโคตรบูร ที่สันนิษฐานว่า เดิมทีเมืองหลวง คือเมืองนครพนม (จังหวัดนครพนม ) แต่ภายหลังได้สร้างเมืองหลวงใหม่ ชื่อ "มรุกขนคร" ตั้งอยู่บริเวณเมืองท่าแขก ของลาว เมืองที่ฉันจะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์นี่แหล่ะ
การเดินทางสมัยนี้ไม่ได้ยากเย็นเหมือนแต่ก่อน นับตั้งแต่ที่มีการเปิดสะพานมิตรไทย-ลาวแห่งที่ 3 เมื่อวันที่ 11-11-2011 เวลา 11.11 น. ซึ่งเหมือนเป็นวันเชื่อมต่อสองแผ่นดินแห่งอาณาจักรศรีโคตรบูร เข้าด้วยกัน
จากกรุงเทพ นั่งนกแอร์ ไปลง จ.นครพนม เดี๋ยวนี้สะดวกขึ้นเพราะมีเที่ยวบินเพิ่มเป็น 4 เที่ยว จากนครพนมเข้าไปที่เมืองท่าแขก มีรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ ของ บขส. ให้บริการ เส้นทางนครพนม-คำม่วน ใช้เวลาราว 1.30 ชั่วโมง(รวมเวลาพิธีการผ่านแดนที่บริเวณสะพานมิตรไทย-ลาวแห่งที่ 3 ด้วย) เที่ยวแรก 07.30 น. - 16.30 น. ส่วนรถที่ออกจากท่าแขก 08.30 น. - 11.45 น. ค่าโดยสารคนละ 70บาท หรือ 18,000 กีบ
ใครไม่มีหนังสือเดินทาง ยื่นคำขออนุญาตทำผ่านแดนชั่วคราวได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าเทียบเรือเทศบาล ถนนสุนทรวิจิตร (เยื้องวัดโอกาส) หรือจุดออกหนังสือผ่านแดนด่านอาคารฯสะพานมิตรภาพ ชั้น 2 (เปิด 08.30 น.)
แขวงคำม่วน ตั้งอยู่ทางตอนกลางของลาว ติดชายแดนไทยและเวียดนาม มี เมืองท่าแขก เป็นเมืองเอกของแขวง ถือเป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจของแขวง รวมถึงการท่องเที่ยว เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระธาตุศรีโคตบอง ตึกอาคารสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส ถ้ำพระหนองปาฝา กำแพงยักษ์โบราณ ถ้ำนางแอ่น
ไปถึงท่าแขก แวะดู กำแพงหินโบราณ หรือกำแพงหินยักษ์ ซึ่งบนทางหลวงหมายเลข 13 บนเส้นทางจากเมืองท่าแขกไปเวียงจันทร์ ใกล้หลักเขต กม.8 กำแพงหินยักษ์ที่ว่านี้ ปากทางมีป้ายไม้เล็กๆ บอกว่าไป ถ้ำแม่พระมารีอาแห่งเมืองลูร์ด ตามทางลูกรัง สองข้างทางเป็นต้นไม้ใหญ่เหมือนเป็นแนวป่า
ไม่ไกลนัก ก็เริ่มเห็นแนวหินตัด ความสูงยังไม่มากเท่าไหร่ แต่ที่สูงมาก และเป็นความมหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อและเป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครฟันธง 100 % ว่าเป็นผีมือมนุษย์หรือยักษ์ตามเรื่องเล่า หรือ ธรรมชาติจัดสรร เพราะเป็นแนวกำแพงหินขนาดยักษ์ ที่เหมือนหินก้อนใหญ่ๆ ซ้อนกัน สูงไม่ต่ำกว่า 5 เมตร ส่วนความยาวนี่ว่ากันเป็น 10 กม.ทีเดียว แต่ก็ปล่อยให้ถูกทำลาย กร่อนสลายไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย แต่ตอนนี้เห็นมีล้อมรั้วลวดหนามแล้ว
ด้านหนึ่งของกำแพงหินยักษ์นี่เอง มีถ้ำเล็กๆ เป็นสถานที่จำลองถ้ำแม่พระเมืองลูร์ด ข้างๆ กันมีบันไดขึ้นไปยังถ้ำเล็กๆ ข้างบนที่มีรูปปั้นพระแม่มารีอาประดิษฐานอยู่ ดูจากร่องรอยแล้ว มีคนมีกราบไหว้อยู่บ่อยๆ
จากกำแพงหินยักษ์ เดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุสีโคดตะบอง (ตามภาษาลาว) หรือที่ไทยเราเรียกกันว่า วัดพระธาตุศรีโคตรบูร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตลอดทางที่ไป ผ่านบ้านเมือง ที่ทำการแขวง รวมถึงโรงเรียน ที่ดูแล้วยังสบายตา สบายใจ ไม่อัดแน่นไปด้วยตึกรามใหญ่โต
วัดพระธาตุสีโคดตะบอง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ผู้หญิงต้องนุ่งกระโปรงหรือผ้านุ่ง ซึ่งก็มีให้เช่าหน้าวัด ภายในเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้านันทเสนแห่งเมืองศรีโคตรบูร ต่อมาได้รับการบูรณะครั้งแรกในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ภายในวิหารมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่พระเจ้าอนุวงศ์เป็นผู้สร้างไว้ ลายผนังในวิหารบอกเล่าได้ดีถึงเรื่องเล่าขานความเป็นมาของอาณาจักรล้านช้าง และพระยาสีโคดที่ทรงพลัง
แวะตลาดเมืองท่าแขก ที่แม้จะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ แต่ก็ยังไม่ใหญ่ไปกว่าตลาดในเมืองชนบทของไทย แต่ที่น่าตื่นตา ตื่นใจ ก็คือบรรดาตู้เงิน ตู้ทอง ที่วางขายใส่ตู้กระจกเหมือนเครื่องถมทั่วๆ ไป อยู่ในโซนด้านหน้า ไม่ต้องมีติดกล้องวงจรปิด ไม่ต้องมีตำรวจมานั่งเฝ้าเหมือนกับร้านขายทองในบ้านเรา ด้านในเป็นตลาดผ้า และตลาดสินค้าทั่วๆ ไป
ถ้ำนางแอ่น เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่น่าพลาด เป็นถ้ำที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเคยเสด็จทอดพระเนตร ที่นี่เก็บค่าเข้าชม 5,000 กีบ บังเอิญได้คุยกับเด็กที่พาเข้าชม เป็นลูกหลานคนที่ได้สัมปทานถ้ำ ถึงได้รู้ว่า รัฐบาลให้เอกชนสัมปทานถ้ำนานถึง 90 ปี และคนที่รับสัปทานปัจจุบันก็เป็นลูกหลานแล้ว เรียกว่าเป็นมรดกตกทอดกันจนกว่าจะหมดสัมปทานนั่นแหล่ะ
การเข้าถ้ำที่นี่ เป็นความเชื่อ และถือปฏิบัติกันคือจะต้องเข้าทางขวา ออกทางซ้าย ของปากถ้ำ และก่อนออกจะต้องวักน้ำล้างหน้าล้างตา เหมือนกันปัดเป่าสิ่งไม่ดี ไม่ให้ติดตัวออกมา ในสายตาฉันรู้สึกเสียดาย เพราะถ้ำนี้ถูกดัดแปลงไปมากทั้งบันไดในถ้ำและติดหลอดไฟนีออน ทั้งสีชมพู สีเหลือง ส่องสว่าง ซึ่งมีผลต่อหินงอก หินย้อยเป้นอย่างมาก คนไม่ชอบเที่ยวถ้ำอย่างฉันเลยไม่ค่อยประทับใจ แต่ที่สนใจเห็นจะเป็นธารน้ำในถ้ำ ที่ทอดยาวหายเข้าไปในถ้ำ คนดูแลบอกว่าล่องเรือไปได้ แต่ต้องใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง คราวหน้าถ้ามีโอกาส ลบอกว่าล่องเรือไปได้ แต่ได้ แต่มีให้บริการล่องเรือ ซึ่งต้องใช้เวลา ะไม่มีใครเดินไปในจุดที่ทำไว้ แถม่ให้ติดตัฉันจะไม่พลาดแน่ๆ
แขวงคำม่วนวันนี้ เชื่อมต่อกับนครพนม ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 เป็นเส้นทางจากไทยสู่เวียดนาม ไปยังนครหนานหนิงของจีน ที่มีระยะทางใกล้ที่สุด และอีกไม่นานโครงการรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ผ่านมาทางเวียงจันทร์-ท่าแขก-เวียดนาม ก็จะเกิดขึ้น ยิ่งทำให้แขวงคำม่วนกลายเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ เป็นที่จับตามองของนักลงทุนตะวันตก ซึ่งรัฐบาลลาวประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจจำเพาะท่าแขก และเขตเขตเศรษฐกิจจำเพาะภูเขียว เพื่อส่งเสริมการลงทุนไว้รองรับแล้ว
หรือนี่จะเป็นยุคพ้นปริศนาคำสาบของพระยาสีโคด เมื่อมี "หินฟูน้ำ พญางูใหญ่ และช้างเผือก เข้ามา" ซึ่งเมื่อนั้น อาณาจักรนี้ก็จะเจริญรุ่งเรือง
............................................
(เลาะแขวงคำม่วน เมืองต้องคำสาบพระยาสีโคด : คอลัมน์ท่องต่างแดน : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์)