
"ถูกริบรถ" ขอคืนได้
พ่อผมเป็นข้าราชการบำนาญ อายุ 62 ปี ถูกตำรวจชลบุรีจับข้อหา "ขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนศร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น" ผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก 2522 มาตรา 43(8) โทษตามมาตรา 160 วรรค 3, มาตรา 160 2535 ฉบับ 4
และขับขี่โดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 มาตรา 42 และโทษตามมาตรา 64 ซึ่งแท้จริงแล้วพ่อผมมีใบขับขี่ตลอดชีพ
ศาลสั่งให้ปรับเป็นเงิน 2,500 บาท และ "ริบรถจักรยานยนต์เป็นของกลาง" โดยอ้างถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 46, 91 ตรงจุดนี้แหละครับ ที่ว่าเกินกว่าเหตุ ทำผิด พ.ร.บ.จราจร แต่กลับลงโทษทางอาญา ลองพิจารณานะครับ ข้าราชการบำนาญอายุ 62 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กม.ต่อชม. จะไปตามมาตรา 46 ก่อเหตุร้ายให้เกิดภยันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น
ขณะที่พิพากษานั้น มีผู้ต้องหา 8 คน คดีเดียวกัน โดยพิพากษาพร้อมกัน เพราะเป็นอัยการคนเดียวยื่นฟ้อง แต่มี 2 คนเสียค่าปรับอย่างเดียว รถมอเตอร์ไซค์ไม่ถูกริบ และหลังจากวันเกิดเหตุ ตำรวจก็ได้จับผู้กระทำผิดรายอื่น และส่งขึ้นศาลเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถูกริบรถเช่นกัน เหตุที่ทราบเพราะตอนไปคัดสำเนาคำพิพากษาที่ศาล ได้มีการพูดคุยกัน
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป สงสารพ่อเพราะต้องใช้รถมอเตอร์ไซค์ขับขี่รับส่งหลานไปโรงเรียน และซื้อกับข้าวที่ตลาดทุกวัน รถก็ยังใหม่เพราะเพิ่งซื้อ พ่อเป็นข้าราชการที่มีวุฒิภาวะ ไม่ใช่คนที่ขับรถสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
ขับขี่ย้อนศรยอมรับว่าผิด แต่ดุลพินิจของตำรวจไม่มีเลยเหรอ ตั้งข้อหาแบบนี้ผมว่าหนักเกินไปสำหรับข้าราชการแก่ๆ ที่ทำงานรับใช้ประชาชนมาเหมือนกัน มีแต่ช่วยเหลือสังคม สงสารพ่อครับท่านเครียดมาก ท่านไม่เคยทำผิดกฎหมายอะไรมาก่อนเลย เพื่อนๆ แนะนำให้ผมอุทธรณ์ ซึ่งเป็นทางออกที่ดี แต่สิ่งที่ผมจะต้องสูญเสีย คือ เงินค่าทนายและเวลาที่เสียไป รวมทั้งค่าปรับที่ได้จ่ายไปแล้ว
ประกิต
ตอบ
พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง ชี้แจงว่า กฎหมายนี้มีมานานแล้ว "ขับขี่ย้อนศรจะถูกจับขังคุกและส่งฟ้องศาล" ที่ผ่านมาตำรวจจะออกใบสั่งให้ไปเสียค่าปรับที่โรงพัก แต่เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมีสถิติเกิดอุบัติเหตุทางจราจรสูง มีทั้งผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ พิการเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับขี่รถประมาท ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ขับขี่รถย้อนศร เป็นการทำผิดกฎหมายจราจรทางบก
กรณีขับรถย้อนศร มีความผิดตามมาตรา 43 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 “ห้ามมิให้ผู้ใดขับขี่รถ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น” มีอัตราโทษระวางคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีศาลสั่งปรับอย่างเดียวไม่ริบรถนั้น ในชั้นศาลตำรวจไม่สามารถทราบได้ เพราะขึ้นอยู่กับสำนวนในการส่งฟ้อง กอปรกับการกระทำความผิด ซึ่งคนเป็นผู้กระทำความผิด ส่วนรถที่ถูกริบ หากรถถูกต้องก็สามารถรับรถคืนได้
ผู้กำกับสมนึก แนะนำให้คุณไปยื่นคำร้องต่อศาลขอรับรถคืน ยื่นอุทธรณ์ผ่านอัยการ ถ้ารถถูกต้อง ไม่ใช่รถที่ไม่มีทะเบียน ก็ริบไม่ได้ต้องคืนให้เจ้าของ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียค่าทนาย
ลุงแจ่ม