เขมรตื่น!ลือสะพัด4เด็กป่วยตายแล้ว1 | คมชัดลึก

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 55 ที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้มีพ่อค้า แม่ค้า และกรรมกรชาวเขมรหลายพันคน แห่เร่งรีบเดินทางเข้ามาฝั่งไทยเพื่อมาทำการค้าและทำงานรับจ้างในตลาดโรงเกลือกันอย่างคึกคัก โดยส่วนใหญ่มีการนำลูกเล็กเด็กแดงเข้ามาด้วยและมากผิดปกติ จนท.จึงได้สอบถามชาวเขมรถึงการนำลูกเล็กเด็กแดงเข้ามาด้วยนั้น ชาวเขมรบอกว่า เมื่อคืนนี้ได้เกิดข่าวลือในตลาดปอยเปตของกัมพูชาว่า เด็กชาวเขมรที่ติดโรคมือเท้าปากชนิดร้ายแรงใน จ.พระตะบอง จำนวน 4 คน ได้เสียชีวิตแล้ว 1 คน ซึ่งข่าวลือดังกล่าวทำให้ชาวเขมรในตลาดปอยเปต ต่างแตกตื่นกลัวลูกหลานจะติดโรคร้าย จึงได้แห่นำลูกหลานเข้ามาในประเทศไทยด้วย เพราะ จ.พระตะบอง ซึ่งมีชายแดนติดกับ จ.สระแก้ว ด้าน อ.คลองหาด และอยู่ห่างด่านพรมแดนปอยเปต เพียงแค่ 70 กม.เท่านั้น

          จากข่าวลือดังกล่าวทำให้ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้ร่วมกับ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) ซึ่งดูแลพื้นที่ตะเข็บชายแดนหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ประสานความร่วมมือกับนายธนกิจ สายสินธุ์ จนท.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำเครื่องตรวจวัดไข้หรือเครื่องตรวจวัดความร้อน (เทอร์โมสแกน) มาตรวจวัดไข้เด็ก ๆ ชาวเขมรจำนวนมากที่บรรดาพ่อค้า แม่ค้า ชาวเขมรที่เข้ามาค้าขายอยู่ในตลาดโรงเกลือ พาเดินทางเข้ามาในฝั่งไทย เนื่องจากตั้งแต่เปิดด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เวลา 07.00 น. จนท.พบว่ามีชาวเขมรที่เข้ามาค้าขาย และเป็นกรรมกรรับจ้างในตลาดโรงเกลือ ต่างอุ้มลูกจูงหลาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต  ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก เกรงอาจมีการลักลอบนำบุตรหลานที่เป็นไข้ขึ้นสูงเข้ามาในประเทศไทยด้วย 

          จนท.ได้ร่วมกันใช้เครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจวัดไข้ให้กับเด็กชาวเขมรที่บรรดาชาวเขมรพาขึ้นรถ จยย. รถยนต์ส่วนตัว และเดินเท้าเข้ามาในประเทศไทย โดย จนท.ได้ประกาศเตือนชาวเขมรที่มีบุตรหลานหากพบว่าบุตรหลานมีไข้ขึ้นสูง อย่าซื้อยามากินเอง ขอให้นำบุตรหลานไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที และจากการตรวจวัดไข้เด็กชาวเขมร จนท.ได้พบมีเด็กชาวเขมรจำนวน 2 คน อายุประมาณ 2 ปี และ 3 ปี ซึ่งเดินทางเข้ามากับพ่อแม่ มีอาการตัวร้อนไข้สูง และไม่มีเอกสารการพบแพทย์แต่อย่างใด โดยพ่อแม่ชาวเขมรอ้างกับ จนท.ว่า จะพาเข้ามาหาซื้อยาฝั่งไทย แต่ จนท.ไม่อนุญาติให้เข้า และบอกว่าให้นำเด็กไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลฝั่งปอยเปต เพื่อตรวจเบื้องต้นก่อน หากไม่เป็นโรคมือเท้าปากสายพันธุ์รุนแรงที่กำลังระบาดในกัมพูชา และมีเอกสารยืนยันจากแพทย์จึงอนุญาตให้เข้าประเทศได้

          ต่อมา พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206ฯ ได้สอบถามไปยัง จนท.กัมพูชา ประจำปอยเปตว่า ข่าวลือว่าเด็กชาวเขมรที่เป็นโรคมือเท้าปากสายพันธุ์รุนแรงใน จ.พระตะบองเสียชีวิตแล้ว 1 คน จริงหรือไม่ ซึ่ง จนท.กัมพูชาประจำปอยเปต ได้แจ้งกลับมาว่า เป็นเพียงแค่ข่าวลือยังไม่มีใครยืนยันได้ และทางสาธารณสุขปอยเปต ก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าจริงหรือไม่ โดยแจ้งว่าเป็นวันหยุดไม่สามารถติดต่อกับโรงพยาบาลพระตะบองได้

          พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เผยว่า จากข่าวลือเด็กเขมรที่ติดโรคมือเท้าปากสายพันธุ์รุนแรงใน จ.พระตะบอง เสียชีวิตแล้ว 1 ราย จนทำให้ชาวเขมรในฝั่งปอยเปต แตกตื่นนั้น จากการสอบถามไปยัง จนท.กัมพูชาในปอยเปต ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่ และ จนท.สาธารณสุขปอยเปต ของกัมพูชาก็แจ้งว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่ด้วยความไม่ประมาท ตม.จว.สระแก้ว ได้ร่วมกับทหารพราน และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ได้มีการตรวจเข้มเด็กชาวเขมรที่จะเดินทางเข้าไทย หากพบมีไข้ตัวร้อน จะไม่อนุญาตให้พาเข้ามาในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า วันนี้มีชาวเขมรที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ นำลูกหลานเข้ามาในประเทศไทยรวมมากกว่า 500 คน ซึ่ง จนท.คงต้องตรวจเข้มทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้โรคดังกล่าวลามเข้ามาติดเด็กไทยได้

          ด้านนายซูม ยานา อายุ 42 ปี ชาวเขมรในตลาดปอยเปต เผยว่า เพื่อนบ้านของตนที่เดินทางกลับมาจากไปเยี่ยมญาติที่ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลพระตะบอง จ.พระตะบอง เมื่อเย็นวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา เล่าว่า เด็กชาวเขมรที่ป่วยเป็นโรคปริศนาในโรงพยาบาลพระตะบอง 4 คน ได้เสียชีวิตแล้ว 1 คน แต่ไม่รู้ว่าเด็กที่เสียชีวิตชื่ออะไร ซึ่งจากคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดข่าวลือไปทั่วปอยเปต ทำให้ชาวเขมรแตกตื่น พอถึงตอนเช้าต้องเข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือฝั่งไทย จึงไม่ปล่อยให้ลูกหลานอยู่ที่บ้านในฝั่งเขมร เลยนำเข้ามาในประเทศไทยด้วย ทำให้ช่วงเช้ามีชาวเขมรนำเด็ก ๆ ข้ามเข้ามาในฝั่งไทยกันอย่างมากมาย