ไลฟ์สไตล์

ขลุกเมืองเก่าเข้าพิพิธภัณฑ์ที่'ตูนิส'

ขลุกเมืองเก่าเข้าพิพิธภัณฑ์ที่'ตูนิส'

01 ก.ค. 2555

ขลุกเมืองเก่าเข้าพิพิธภัณฑ์ที่'ตูนิส' : คอลัมน์ เที่ยวนี้ขอเล่า โดย... กาญจนา หงษ์ทอง

          อาจจะเป็นปีที่แดดแอฟริกาอยากให้ไปสูดดมกลิ่นหอมของมัน ตั้งแต่ต้นปีถึงได้แวะเวียนไปทวีปนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
 
          พิกัดข้างหน้าอยู่บนชายขอบของทวีปแอฟริกาเหนือ ที่นี่มีทั้งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลทรายซะฮาร่า และเมืองโบราณอันแสนคลาสสิก ทั้งหมดที่ว่ามานี้ รอฉันอยู่ที่ ประเทศตูนิเซีย หนึ่งในจุดหมายที่ปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่คราวไปเยือนโมร็อกโกเมื่อ 5 ปีก่อน
 
          จากกรุงเทพยังไม่มีบินตรงไปตูนิเซียซะด้วย ถ้าสะดวกสุดตอนนี้ก็ต้องเป็นสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ (0-2259-2701-3)  โดยแวะไปเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา ยืดเส้นยืดสายสักพักแล้วบินต่อไปอีกประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึงตูนิส เมืองหลวงของตูนิเซีย เที่ยวนี้ได้ที่นั่งสบายสุดๆ เพราะคลิกเข้าไปใช้บริการเช็กอินออนไลน์ เลยเลือกที่นั่งก่อนเดินทางได้ พักผ่อนเต็มอิ่มเลยไปถึงตูนิสแบบไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง
 
          แน่นอนว่าเรื่องที่หลับที่นอนในตูนิส ต้องพึ่งพาเว็บไซต์อโกดา (www.agoda.com) ให้ช่วยสแกนหาที่พักเหมือนเคย อโกดาก็ยังเป็นผู้ช่วยที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้เสมอ แถมถูกที่สุดเวลาเปรียบเทียบกับเว็บอื่น เดี๋ยวนี้ยิ่งสะดวกใหญ่ พอโหลดแอพพลิเคชั่นอโกดามาไว้หน้าจอสมาร์ทโฟน บางทีระหว่างเดินทางอยู่ยังคลิกไปค้นโรงแรมจากโทรศัพท์ได้เลย
 
          ตูนิเซีย เป็นประเทศเล็กๆ บนเทือกเขาแอตลาส เวลาจะสัญจรไปตามหัวเมืองต่างๆ ทั่วประเทศก็ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ ซึ่งเที่ยวนี้ฉันวางแผนเที่ยวให้ทั่วทุกมุมของตูนิเซีย ไปทั้งเมืองริมทะเล นอนในเมืองริมทะเลทราย เมืองศักดิ์สิทธิ์ แต่ก่อนอื่นขอสำรวจดวงหน้าของตูนิสก่อน เขาว่าสวยไม่เบา
   
          พอมาถึงย่านใจกลางเมือง ตูนิส ก็รู้เลยว่าเมืองหลวงแห่งนี้ดูคึกคักเชียว  ทั้งตึกรามบ้านช่อง อนุสาวรีย์และหอนาฬิกากลางเมือง ไปจนถึงถนนสายหลักของเมือง ทำให้นึกภาพไม่ออกเลยว่าที่นี่เคยเป็นเวทีประท้วงมาได้ไม่นาน  และไม่เพียงโค่นล้มประธานาธิบดีคนเดิมของประเทศตูนิเซียอย่างเบน อาลีเท่านั้น แต่ยังเกิดปรากฏการณ์ปฏิวัติดอกมะลิที่ลุกลามไปทั่วอาหรับและแอฟริกาเหนือ
 
          ยิ่งพอพาตัวเองไปเดินพิจารณาเมืองบน ถนนฮาบิบ บัวร์กิบา พบว่าสองฝั่งถนนเหมือนเดินอยู่บนชองเอลิเซส์แห่งมหานครปารีส มีคาเฟ่ตั้งให้สลอนไปหมด นอกจากนี้ยังมีโรงละคร และ มหาวิหารวินเซนต์เดอปอล ที่อายุเกินร้อยปี สร้างด้วยสไตล์นีโอโรมาเนสก์ ยามบ่ายคล้อยไปถึงเย็นย่ำ ผู้คนจะพากันออกมานั่งผึ่งแดดตามคาเฟ่ นี่อาจจะเป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งที่ได้จากฝรั่งเศส ก็แน่ล่ะ ตูนิเซียเพิ่งได้อิสรภาพคืนจากฝรั่งเศสได้แค่ 50 กว่าปีเอง
 
          สุดทางของถนนฮาบิบ บัวร์กิบา คือย่านเมืองเก่าของตูนิสที่นักท่องเที่ยวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าเดินอย่างยิ่ง พอเดินผ่านประตูฝรั่งเศสหรือ บับ เอล บาหร์เข้ามาคราวนี้เท่ากับเราได้พาสองเท้าย่างเข้าสู่ชายคาเมืองเก่าหรือที่เรียกว่าเมดินาแล้ว
 
          สำหรับคนชอบตลาดใต้ร่มเป็นทุนเดิม เมดินาแห่งตูนิส จะทำให้คุณเดินได้อย่างลืมวันลืมคืน  ซอยแคบๆ ใต้หลังคามีร้านรวงตั้งแน่นตลาด จะซื้ออะไรล่ะมีหมด ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังอูฐ งานแฮนด์เมด เสื้อผ้าเครื่องประดับ ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ถ้วยถังกะละมังหม้อ
 
          แต่ในรั้วรอบขอบชิดของเมืองเก่าไม่ได้มีแค่ร้านค้าเท่านั้น แต่ยังมีทั้งพระราชวัง อนุสาวรีย์  มัสยิด โรงเรียนสอนศาสนา โรงอาบน้ำ น้ำพุ  ห้องสมุด และบ้านเก่าแก่ที่ส่วนใหญ่มีแต่พวกที่มีฐานะจึงจะมีบ้านอยู่ในเขตเมืองเก่าได้
 
          หนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจคือ มัสยิดซิทูนา ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เพื่อเฉลิมฉลองเมืองหลวงแห่งใหม่ เรียกได้ว่าเป็นมัสยิดสำคัญที่สุดในตูนิส เก่าแก่ที่สุดอายุราว 1300 ปี แต่ฉันก็ได้แค่โฉบๆ เพราะไปช่วงที่เขากำลังละหมาดพอดี เลยเข้าด้านในไม่ได้
 
          ที่จริงตลาดนี้ใหญ่มากขนาดเดินซัก 2-3 วันนั่นแหละถึงจะทั่ว ใครไม่รีบร้อนไปไหน  ขลุกอยู่ในเมดินาได้เป็นวันแน่ เดินดูผู้คนก็สนุกดี เขาจะนั่งจิบชาดูดชิชากันตามร้านกาแฟริมทาง บรรยากาศเหมือนเดินเข้าเมดินาในโมร็อกโกเลย แต่ที่แน่ๆ คืออยู่ในตลาดใต้ร่มแล้วเหมือนเราเดินเหินอยู่ในโลกอีกใบที่ไม่มีเฟซบุ๊ก กูเกิล หรือทวิตเตอร์ ต่อให้ 3 จี 4 จีก็ไม่มีความหมาย เพราะนี่คือเมืองเก่าที่พาเราย้อนไปสูดดมอดีตอันหอมหวาน และเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีตำแหน่งมรดกโลกมาการันตีความเก๋า
 
          กว่าจะถอนสมอจากเมดินาได้ก็เดินกันเมื่อยน่องไปหมด ...แต่ยัง  ตูนิสยังมีของดีของเด็ดรอให้ไปเดินดูกันอีก จะเรียกว่าเป็นฟินาเล่ของตูนิสเลยก็ว่าได้ ที่นั่นคือ พิพิธภัณฑ์บาร์โด
 
          เขาว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เลอเลิศมาก เรียกได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ของตูนิเซียเลยทีเดียว สถานที่แห่งนี้ได้รวบรวมโมเสกเอาไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในย่านบาร์โดที่อยู่ห่างจากย่านใจกลางเมืองตูนิสประมาณ 4 กิโลเมตร ย่านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมีอันจะกิน
  
          ตัวอาคารด้านนอกก็ดูธรรมดา แต่ด้านในนี่สิ เหมือนเป็นโลกของโมเสก เขาตกแต่งสมกับที่เคยเป็นวังมาก่อน หากใครอยากเห็นโมเสกที่ดีที่สุดและสวยที่สุดของโลก มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง  เขาจะแบ่งเป็นห้องๆ เรียกตามชื่อเมืองต่างๆ เช่นห้องดุกก้า  ห้องคาร์เธจ ห้องซูส
  
          ซึ่งด้านในสะสมโบราณวัตถุจากยุคสมัยต่างๆ แต่ที่เด่นชัดที่สุดคืองานโมเสกที่อยู่ที่บนผนัง เพดาน และแม้แต่ทางเดินก็ยังเป็นโมเสกเลย 
  
          บางชิ้นใหญ่มาก ใหญ่ขนาดตอนไกด์อธิบายว่าบางชิ้นขนมาจากนครคาร์เธจ ก็ได้แต่นึกสงสัยว่าเขาขนมาได้อย่างไร บางชิ้นงานยังสมบูรณ์มาก เช่น ทำตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่  2  แต่น่าแปลกใจว่าถ้าอายุมากขนาดนี้ ยังสมบูรณ์ได้ขนาดนี้เลยหรือ  ยิ่งเดิน  ยิ่งพบว่า ที่นี่คงจะเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งตูนิเซีย ที่มีคุณค่าแก่การไปเยือนอย่างยิ่ง
 
          ถึงยังไม่ได้จิบเมดิเตอร์เรเนียน หรือย่ำรอยทรายในซะฮารา แต่ตูนิสทำให้การออกตัวเที่ยวบนแผ่นดินตูนิเซียรสชาติดีพิลึก

.......................................

(หมายเหตุ ขลุกเมืองเก่าเข้าพิพิธภัณฑ์ที่'ตูนิส' : คอลัมน์ เที่ยวนี้ขอเล่า โดย... กาญจนา หงษ์ทอง)