
น้องหมาแสนรักของ ปรารถนา เตชะวิบูลย์
น้องหมาแสนรักของ ปรารถนา เตชะวิบูลย์ : คอลัมน์ขอเวลานอก : โดย...เรื่อง--วันวิสา โรจน์แสงรัตน์/ภาพ--ฐานิส สุดโต
โฮ่ง..โฮ่ง..เสียงเห่าสลับคำรามจากเจ้าหมาแสนรู้ดังก้องมาแต่ไกล เมื่อมีคนแปลกหน้าย่างกรายเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่โอ่โถงย่านถนนสุขุมวิท ทว่าเจ้าของบ้านคนสวยวัย 26 ปี "พลอย" ปรารถนา เตชะวิบูลย์ ลูกสาวคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้ง 4 คนของ คุณพ่อประเสริฐ เตชะวิบูลย์ กงสุลกิตติมศักดิ์ตูนิเซียประจำประเทศไทย กับ คุณแม่สุวรรณา ยืนยันหนักแน่นว่า นั่นเป็นเพียงการทักทายแขกผู้มาเยือนเท่านั้น หาใช่การปรี่เข้ามาขู่หรือจ้องทำร้ายแต่อย่างใด เนื่องจากน้องหมาทุกตัวถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจะทำร้ายใครก่อนรับรองว่าไม่มีอย่างแน่นอน
"พลอยชอบน้องหมาและอยากเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนั้นคุณแม่ยังไม่อนุญาตเพราะพลอยกับพี่ชายคนโต ( "ยู้" พงศ์สิริ เตชะวิบูลย์) เป็นโรคภูมิแพ้ค่อนข้างรุนแรง กว่าจะได้เริ่มเลี้ยงตัวแรกก็ตอนอายุประมาณ 10 ขวบ เริ่มที่พี่ชายอุ้มน้องหมามาที่บ้านตั้งใจเอามาเลี้ยงทั้งๆ ที่ไม่ได้ขอคุณพ่อคุณแม่ หลังจากนั้นพลอยก็เลยเอามาเลี้ยงบ้างและตอนนั้นภูมิแพ้ก็ไม่เป็นแล้วด้วย คุณพ่อคุณแม่เลยไม่ได้ว่าอะไร ตัวแรกที่เลี้ยงเลยเป็นพันธุ์ชิสุ ชื่อเจ้าทองทอง ซึ่งพลอยรักมากดูแลเขาอย่างดี แต่วันหนึ่งพอเปิดประตูบ้านเขาวิ่งออกไปแล้วถูกรถชนเสียชีวิต ตอนนั้นเสียใจมากๆ เลยค่ะเพราะพลอยคิดเสมอว่าเขาเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเรา" สาวพลอยย้อนเล่าถึงที่มาของการเริ่มต้นเลี้ยงน้องหมา
หลังจากที่น้องหมาตัวแรกเสียชีวิต คนรักสุนัขอย่างสาวพลอยก็เพียรพยายามสรรหาน้องหมาตัวอื่นมาทดแทน โดยแต่ละตัวที่เลือกมานั้นเจ้าของบอกว่าจะพิจารณาเฉพาะตัวที่มีคาร์แรกเตอร์พิเศษๆ เท่านั้น อย่างตอนนี้ที่บ้านมีอยู่ทั้งหมด 4 ตัว แต่ละตัวจะมีลักษณะนิสัยต่างกันไป ตัวแรกอายุมากที่สุดชื่อเจ้าทองหล่อ เป็นพันธุ์โกลเด้นท์ รีทรีฟเวอร์ เมื่อก่อนขี้เล่นและขี้อ้อนมาก แต่ด้วยวัยที่มากขึ้นตอนนี้จึงชอบอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับตัวอื่น ตัวที่สองเป็นพันธุ์พุดเดิ้ลทอย ชื่อเจ้าเฮงเฮง ตัวนี้เล็กที่สุด แต่ถ้าเห่าขึ้นมาล่ะก็ ตัวอื่นจะเงียบกันหมดเหมือนกับว่าเขาเป็นหัวหน้าแก๊ง ตัวที่สามชื่อวันอังคาร ตัวนี้เป็นหมาของพี่ชายคนโต ที่ได้ประทานมาจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ส่วนตัวสุดท้ายชื่อเมแฟร์เป็นพันธุ์อิงลิช บลูด็อก ซื้อที่ประเทศอังกฤษขณะที่ไปต่อระดับเรียนปริญญา หลังจากเรียนจบเจ้าของจึงพากลับมาอยู่เมืองไทยด้วย
"พลอยไปเรียนที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษา แล้วต่อเรียนปริญญาตรีที่โซแอค ยูนิเวอร์ซิตี้ จากนั้นก็ต่อโทด้านกฎหมายการเงิน ที่ โซแอค ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ลอนดอน ตอนแรกที่ไปอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้คิดจะเลี้ยงสุนัข เพราะแค่รับผิดชอบตัวเองก็ค่อนข้างหนักอยู่แล้ว แต่อยู่ที่โน่นก็เหงาเลยอยากเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสักตัว ตอนแรกเลยพลอยอยากได้คอร์กี้ เพราะทุกครั้งที่มีโอกาสออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตจะเจอเจ้าคอร์กี้ตัวหนึ่งที่นั่น มันจะเดินนำหน้าเจ้าของแล้วคอยหันหลังมามองเจ้าของของมันตลอดดูแล้วมันเป็นห่วงเจ้าของมากๆ แต่ตอนนั้นพลอยยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ พอดีเพื่อนพาไปร้านสุนัขแล้วไปเจอเจ้าเมแฟร์ มันเดินตามพลอยตลอดเหมือนกับอยากมาอยู่ด้วย เพื่อนเลยบอกว่ามันดูฮิพฮอพดีตรงข้ามกับบุคลิกพลอยที่จะออกแนวหวานๆ ก็เลยลองซื้อมาเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันมาประมาณ 2 ปีแล้ว และกลายเป็นหมาตัวโปรดที่พลอยรักมากที่สุดค่ะ" สาวรักสุนัขเล่าอย่างออกรส ขณะที่เจ้าเมแฟร์เดินวนเวียนไปมาไม่ห่างกายเจ้านายสาว
และด้วยความที่ได้รับการปลูกฝังจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กว่า สัตว์เลี้ยงก็เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับคน ถ้าคิดจะเลี้ยงแล้วก็ต้องดูแลให้ดีไปจนกว่าจะตายจากกันไป อย่าเลี้ยงแบบทิ้งขว้างเป็นอันขาด เหตุนี้สาวพลอยจึงทุ่มเทเวลาว่างจากงานประจำที่บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเคนซี่ จำกัด เอาใจใส่ดูแลสุนัขทุกตัวในบ้านเป็นอย่างดี ด้วยการศึกษาข้อมูลจากหนังสือหรือค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ตประกอบด้วย เพื่อให้รู้นิสัยใจคอและพฤติกรรมของสุนัขแต่ละพันธุ์ว่าพันธุ์ไหนมีลักษณะเฉพาะอย่างไร ต้องเลี้ยงดูอย่างไร ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร อย่างเจ้าเมแฟร์มีนิสัยดื้อและค่อนข้างเอาแต่ใจ ทั้งยังมีอารมณ์ศิลปิน เวลาใครเรียกก็จะไม่ยอมหันและไม่ยอมไปหา จะทำเมินไม่เหมือนไม่สนใจ ที่สำคัญคือไม่ยอมให้ใครมายุ่งเลย ยกเว้นเจ้านายสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นการดูแลแทบทุกๆ เรื่องจึงกลายเป็นหน้าที่ของสาวพลอยไปโดยปริยาย ผิดกับสุนัขตัวอื่นๆ ที่จะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง
"เจ้าเมแฟร์นี่ดื้อมากไม่ยอมให้ใครมายุ่งเลย ยอมพลอยคนเดียวพลอยเลยต้องดูแลแทบทุกเรื่อง อย่างเรื่องความสะอาดต้องเช็ดหน้าเช็ดหูเขาด้วยน้ำเกลือแล้วใช้กระดาษทิชชูซับให้แห้ง ทำแบบนี้ทุกเช้าก่อนไปทำงานและตอนเย็นก่อนนอน รวมไปถึงดูแลเรื่องการแปรงฟันด้วย ส่วนเรื่องอาหารก็ดูเองเหมือนกัน เพราะเจ้าเมแฟร์กินยาก เลือกกินด้วย อาหารบางอย่างกินเข้าไปแล้วแพ้จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ ตอนนี้เลยให้กินอาหารออแกนิกส์เป็นอาหารกระป๋องผสมกับอาหารเม็ด ส่วนเมนูโปรดของเมแฟร์คือไข่คนเหยาะซีอิ๊วขาว ซึ่งพี่เลี้ยงก็ทำให้บ้างเป็นบางครั้ง" ด็อกเลิฟเว่อร์ เล่าถึงไลฟ์สไลต์การดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรัก
และเป็นธรรมดาเมื่อคลุกคลีอยู่ด้วยกันจนสนิทแนบแน่นไม่เว้นแม้แต่เวลานอน เวลาไปเที่ยวที่ไหนหรือบางซูเปอร์มาร์เก็ตที่อนุญาตให้นำสุนัขเข้าไปได้ ก็ไม่พลาดที่จะพาเจ้าเมแฟร์ตามติดไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศด้วยเสมอ แต่หากต้องเดินทางไปทำงานต่างถิ่นหรือทำธุระไกลๆ ที่ไม่สามารถนำไปด้วยได้ เจ้าของสารภาพแบบไม่อายว่าจะคิดถึงเจ้าเมแฟร์มาก (ลากเสียงยาว) และต้องคอยโทรเช็กความเคลื่อนไหวกับพี่เลี้ยงตลอดเวลา
"ตั้งแต่เลี้ยงเมแฟร์มาราว 2ปี ทุกครั้งที่ไปเที่ยวกับครอบครัวอย่างไปหัวหิน พลอยจะพาเขาไปด้วย เพราะตอนนี้เขาก็เป็นสมาชิกในครอบครัว ทุกคนก็รักเขาเหมือนๆ กับที่พลอยรัก และ ตั้งใจว่าจะดูแลพวกเขาไปตลอด ไม่ปล่อยให้เขากลายเป็นสุนัขจรจัดแน่นอน ทุกวันนี้เวลาเห็นสุนัขวิ่งไปมาบนท้องถนนพวกเขาน่าสงสารมากๆ ถ้าเป็นไปได้อยากจะจับพวกเขามาทำหมันให้หมดจะได้ไม่ต้องขยายพันธุ์เพิ่มอีก สุนัขจรจัดจะได้ลดจำนวนลง คุณแม่สอนมาตลอดว่า พวกเขาก็เป็นหนึ่งชีวิตเหมือนๆ กับเรา แต่กลับเป็นชีวิตที่ไม่มีใครรักไม่มีใครสนใจทั้งยังถูกละเลยอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสารเห็นแล้วสลดใจมาก" สาวรักสัตว์ให้ความเห็นด้วยสีหน้าหดหู่ ผิดกับเมื่อแรกเริ่มสนทนาอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจบการสนทนาสาวพลอยฝากบอกคนรักสุนัขเป็นการทิ้งท้ายว่า การเลี้ยงสัตว์เป็นเรื่องดีที่จะช่วยปรับเปลี่ยนนิสัยผู้เลี้ยงให้เป็นคนอ่อนโยนขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือหากรักจะเลี้ยงแล้วก็ควรดูแลพวกเขาไปให้ตลอดจนกว่าจะตายจากกัน
(น้องหมาแสนรักของ ปรารถนา เตชะวิบูลย์ : คอลัมน์ขอเวลานอก : โดย...เรื่อง--วันวิสา โรจน์แสงรัตน์/ภาพ--ฐานิส สุดโต)