
ลูกอดกินข้าวกลางวันที่โรงเรียน
โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ เริ่มจัดทำซื้อของโดยใช้คูปองตั้งแต่เปิดเทอม ตอนนี้นักเรียนและผู้ปกครองวุ่นวายกันมาก ลูกดิฉันไม่ค่อยได้กินข้าวกลางวันเพราะแลกคูปองไม่ทัน แต่ถ้าจะให้แลกคูปองล่วงหน้าไว้มากๆ ก็ไม่ไหว ดิฉันหาเงินจ่ายลูกได้แค่พอกินวันต่อวัน แถมอาหารที่เค
เมื่อสอบถามจากแม่ค้าภายในโรงเรียน บอกว่า แต่ก่อนเคยเสียค่าพื้นที่วันละ 90 กว่าบาท แต่ปัจจุบันโรงเรียนเก็บเงินแม่ค้า 10 เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย หรือประมาณวันละ 150-600 บาทต่อหนึ่งร้านค้า
ดังนั้นหนึ่งเทอมก็จะอยู่ที่ประมาณ 15,000-48,000 เป็นอย่างต่ำ แม่ค้าบางคนบอกว่าขาดทุน แต่ก็ต้องมาขายเพื่อจะได้มีทุนไปวันๆ นึง
ดิฉันไปถามแม่ค้าบางคนอัดอั้นจนถึงร้องไห้ เพราะไม่รู้จะร้องเรียนไปที่ไหนได้ ทั้งแม่ค้าและนักเรียน ตอนนี้เดือดร้อน เด็กเริ่มล่ารายชื่อเพื่อสอบถามความเดือดร้อน ก็ได้ผลสรุปว่าไม่มีใครต้องการให้ใช้ระบบคูปอง เพราะต้องกินอาหารแพงขึ้น แต่ก็ต้องยุติไปเพราะโดนขู่จะไล่ออก ให้ออก แม่ค้าก็โดนขู่จะให้มีการประมูลใหม่ทุกปี แล้วถ้าประมูลทุกปีเขาประมูลไม่ได้ แล้วเขาจะไปทำอะไรกิน ลูกจ้างในร้านก็ต้องตกงาน
ตอนนี้กลุ่มผู้เดือดร้อนรวมทั้งผู้ปกครองที่หาเช้ากินค่ำ เครียดมากๆ ค่ะ ดูแล้วสงสารเด็กนักเรียน เกือบ 4,000 คน รวมทั้งแม่ค้า
อยากให้ออกมาตรวจสอบหรือพอให้ความช่วยเหลือได้บ้างก็ดีค่ะ เพราะอาจารย์คนที่จัดทำโครงการนี้เขาบอกว่า เขาเดินหน้าแล้วเขาไม่ถอยหลังแน่นอน โดยบอกว่า รับคำสั่งให้จัดทำโครงการนี้จากผู้อำนวยการอีกทีหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่า ต่อให้แม่ค้าไปฟ้องช่องทีวีอะไรก็ไม่กลัว
จึงอยากให้มีผู้เข้ามาช่วยตรวจสอบให้หน่อยค่ะ นักเรียนก็แย่ และแม่ค้ากำลังชักหน้าไม่ถึงหลังแล้วค่ะ
ผู้ปกครอง
ตอบ
ดร.วินัย ทองมั่น ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ชี้แจงว่า โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ มีจำนวนนักเรียน 3,660 คน จัดการเรียนการสอนในระดับ ชั้น ม.1-6 และได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับงานโภชนาการเพื่อดำเนินการให้นักเรียนได้รับประโยชน์ทางด้านโภชนาการเป็นเป้าหมายหลัก โดยโรงเรียนจัดระบบการรับประทานอาหารเป็น 2 ระบบ
คือ สำหรับนักเรียน ม.1-ม.2 โรงเรียนจัดให้มีโครงการอาหารกลางวัน ให้นักเรียนได้รับประทานครบทุกคน อาหารถูกหลักโภชนาการ
ส่วนนักเรียน ม.3-ม.6 โรงเรียนจัดเวลาให้นักเรียนพักกลางวันเป็น 2 ผลัด คือ ผลัดที่แรก เวลา 11.15-12.10 น. ผลัดที่สอง เวลา 12.10-13.05 น. โดยซื้ออาหารรับประทาน อาหารที่มีผู้จำหน่ายในโรงอาหารใต้อาคารอัจฉราลัย นักเรียนจะเข้ามารับประทานตามผลัดที่ตนเองพักกลางวัน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่นักเรียนซื้ออาหารกลางวันไม่ทัน เพราะเป็นนักเรียนโต
ส่วนเรื่องการจำหน่ายคูปอง โรงเรียนได้จ้างบุคลากรและจัดครูในการจำหน่ายคูปองตลอดทั้งวันตั้งแต่เวลา 06.30-16.00 น. จึงมีเวลาและเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะให้บริการแก่นักเรียน และก็มีนักเรียนเรียนบางส่วนที่ได้ซื้อคูปองสำรองไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องซื้อทุกวัน
เมื่อสอบถามนักเรียน ครูและลูกจ้างที่จำหน่ายคูปองแล้ว ปรากฏว่า ยังไม่มีนักเรียนที่แลกคูปองไม่ทัน
ส่วนเรื่องการจำหน่ายอาหารแพงขึ้นกว่าปกตินั้น คณะกรรมการร้านค้าของโรงเรียนจะกำหนดราคาอาหารที่เป็นธรรม และร้านค้ายังไม่ได้เสนอปรับราคาอาหารจากปีที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการมีการตรวจสอบคุณภาพอาหารเป็นประจำ ดังนั้น การที่จะจำหน่ายอาหารเกินราคาที่โรงเรียนกำหนดนั้น คณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าร้านค้าใดจำหน่ายอาหารเกินราคากว่าปกติ แต่อาจมีนักเรียนบางคนที่พอใจจ่ายเพิ่ม เพราะรับประทานมากกว่าปกติ เช่น นักเรียนที่ตัวใหญ่ หรือนักเรียนอ้วน ซึ่งมีเป็นจำนวนน้อย
เรื่องการขู่ที่จะให้มีการประมูลใหม่ทุกปีนั้น ผู้ที่จะจำหน่ายอาหารในโรงเรียนนั้น ผู้จำหน่ายอาหารจะทำสัญญากับโรงเรียนภาคเรียนละครั้งอยู่แล้ว และค่าเช่าสถานที่ 7,500 บาทต่อภาคเรียน
ในแต่ละปีการศึกษาที่ผ่านมาโรงเรียนได้รับแจ้งจากร้านค้าว่าไม่ยุติธรรม บางร้านจำหน่ายได้ 5,000 บาท 10,000 บาท แต่ต้องชำระให้โรงเรียนเท่ากัน เพื่อความเป็นธรรม โรงเรียนจึงทดลองใช้คูปองแทนการใช้เงินซื้ออาหารกลางวัน เพื่อต้องการทราบข้อมูลการจำหน่ายที่แท้จริง ซึ่งจะครบกำหนดทดลองโครงการในวันที่ 15 มิถุนายน 2555
หลังจากได้รับข้อมูลครบถ้วนตามกำหนดทดลองคณะกรรมการร้านค้า จะพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป
ลุงแจ่ม