ไลฟ์สไตล์

สามี(ตัวดี)เชื่อแม่มากกว่าเมีย

สามี(ตัวดี)เชื่อแม่มากกว่าเมีย

11 มิ.ย. 2555

ดิฉันมีเรื่องอยากทราบค่ะ คือแต่งงานกับสามีมาได้ 5 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน ปัญหาอยู่ตรงที่พ่อแม่สามีไม่ยอมรับค่ะ แต่ด้วยความที่รักกันก็เลยจดทะเบียนสมรสแล้วอยู่กินด้วยกันมาได้ 5 ปี จนมาถึงวันนี้ก็เริ่มมีปัญหาอีก

 หลังจากแม่ของสามีเรียกตัวสามีกลับบ้านเพื่อไปทำงานกับครอบครัว แล้วแม่สามีก็คงจะแนะนำให้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตอนหลังสามีเริ่มเปลี่ยนไป ไม่กลับบ้านเป็นเวลาเหมือนเคย แล้วก็เริ่มมีปัญหา มีปากเสียงกัน เลยทำให้สามีเริ่มกลับบ้านดึก หนักเข้าก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง
 ดิฉันเองก็เครียดค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องปล่อยไป เริ่มทำใจแล้วว่าถ้าสามีหมดรักดิฉัน จะยื้อ หรือรั้งกันไว้ก็คงไม่มีประโยชน์
 แต่อยากทราบว่าบ้านที่เป็นชื่อของเราสองคน และรถที่สามีใช้อยู่ทุกวันนี้ แต่เป็นชื่อของเราสองคนเหมือนกัน ถ้าต้องเลิกกันจะทำอย่างไร
 ตอนนี้สับสนมากทำอะไรไม่ถูก ทะเลาะกันมากขึ้น สามีเลยบอกว่า ขอแยกกันอยู่สักพัก ตอนนี้สามีก็ไปอยู่บ้านแม่เลย ให้ดิฉันอยู่ที่บ้านนี้คนเดียว ถ้าแยกกันอยู่นานกีปีถึงจะขอหย่าได้คะ
 ตาล
 ตอบ
 ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน ผศ.ยศศักดิ์  โกไศยกานนท์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า ขอพูดถึงเรื่องสินสมรสกัน หลังจากแต่งงานอยู่กินด้วยแล้ว ทรัพย์สินที่ได้มาหลังจากต่งงาน ในทางกฎหมายถือว่าเป็นสินสมรส ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ในที่นี้รวมไปถึงเรื่องรถที่เป็นชื่อของสองคนร่วมกัน และถ้าบ้านเป็นชื่อสองคนร่วมกันก็จะเป็นสินสมรสด้วย
 ดังนั้นเมื่อหย่ากันแล้ว ทรัพย์สินตรงนี้ก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่งด้วย โดยอาจจะตกลงกันว่าใครจะเอาบ้าน หรือรถ หรือว่าจะเอาทั้งสองอย่างขายทอดตลาดแล้วก็แบ่งกัน
 ส่วนเรื่องของการแยกกันอยู่นั้น ถ้าเป็นการแยกกันอยู่ด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่ายเกิน 3 ปี ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสิทธิที่จะฟ้องหย่าได้ แต่ถ้าเป็นการจงใจทิ้งร้าง คือ ฝ่ายหนึ่งจงใจทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่ง กรณีอย่างนี้เกิน 1 ปี อีกฝ่ายก็มีสิทธิฟ้องหย่าได้ แต่ฝ่ายที่ทิ้งร้างไม่มีสิทธิฟ้องหย่า
 กรณีของคุณ จึงแนะนำว่า ควรคุณกันว่าจะเอาอย่างไร ถ้าต้องหย่ากันจริง ก็อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าในทางกฎหมายแล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างที่หามาได้หลังจากที่แต่งงานกัน ถือเป็นสินสมรส เมื่อเลิกกันก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง
 ลุงแจ่ม