
หอฮ่อ (I) : คอลัมน์เล่นหูเล่นตา
หอฮ่อ (I) : คอลัมน์เล่นหูเล่นตา : โดย...เจนนิเฟอร์คิ้ม
ขึ้นชื่อว่าจอมยุทธ์คงต้องท่องไปทั่วยุทธจักร และขึ้นชื่อว่านักร้องรับจ้างก็คงต้องร้องมันทุกที่ตั้งแต่ซ่องยันบ่อน! (อาบอบนวดยันกาสิโน)
ฉันชอบกินและเที่ยวในเวลาเดียวกัน จะยิ่งดีถ้าได้ทั้งทำงานและเที่ยวในที่เดียวกันโดยเฉพาะต่างประเทศ เพราะนอกจากจะได้เงินค่าจ้างแล้วค่าตั๋วเครื่องบินกับค่าที่พักก็มีคนออกให้ ไม่รู้ว่าความสามารถของฉันหรือหนังหน้าฉันกันแน่ที่เหมาะกับสถานที่บางที่ๆ นักร้องทั่วไปไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปทำงานกัน ฟังดูน่าภูมิใจแต่อย่าเพิ่ง ที่ๆ ฉันพูดถึงมันคือ บ่อน หรือ กาสิโน นั่นเอง ในแถบเอเชียที่เป็นรองแค่ลาสเวกัสเห็นจะมีแค่ที่เดียวคือ "มาเก๊า" ที่ได้ไปไม่ใช่เพราะอะไร นอกจากร้องเพลงจีนได้ ใช้เส้นนิดหน่อยทางฝั่งโก้ มิสเตอร์แซกแมน กับ พาสปอร์ตอีก 1 เล่ม … เอ้า! ไปกันเลย
8 โมงเช้า ฉัน นุชนาฎ สีเกด และข้าวตู ช่างแต่งหน้า ไปรวมตัวกันอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เข้าแถวเช็กอินตั๋วแล้วก็ไปเดินเล่นดูสินค้าปลอดภาษีในดิวตี้ฟรี (Duty Free) นังนุชนาฎเกิดอยากกินมันฝรั่งทอดก็เลยไปยืนซื้อ ฉันได้กาแฟมา 1 แก้ว เดินทอดน่องไปที่ประตูขึ้นเครื่อง ไม่มีใครเหลืออยู่สักคน นอกจากพนักงานสายการบินที่ตะโกนเรียกพวกเรา ฉันต้องทิ้งกาแฟร้อนแก้วนั้นไปเพราะร้อนขนาดนั้นกินเข้าไปมีหวังลวกตับกับเซ่งจี๊สุกแน่ พวกเราทั้ง 4 วิ่งเป็นหมาแข่งแย่งกันเข้าตั้งแต่ยังไม่ถึงมาเก๊า บนเครื่องบินลำเล็ก สีเกดจองตั๋วที่นั่งติดทางออกฉุกเฉินให้ ที่นั่งด้านหลังเรามีอาแปะแก่ๆ กำลังตบตีกับพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ด้วยว่าอยากจะนั่งที่ราคาแพงแต่จองที่ราคาถูกไว้ กะว่าจะได้มั่วที่นั่งตอนขึ้นเครื่องได้ ที่นี่บนเครื่องบินไม่ใช่โรงหนังอาแปะ ของแบบนี้ฉันก็เคยทำเพราะนังนุชนาฎบอกว่าจองตั๋วดูหนัง 160 พอ แล้วขยับไปนั่ง 180 ตอนหนังเริ่มฉาย นั่งตูดยังไม่ทันร้อนเจ้าของที่นั่งตัวจริงเขามา นอกจากเสียขบวนแล้วยังเสียหน้าอีก ครั้งนั้นครั้งเดียวเข็ดจนตาย! อีอาแปะโดนไล่กลับไปนั่งที่ๆ ตัวเองจอง ไม่นานแกก็เลื่อนไปหาที่ใหม่อีกจนได้ จนเจ้าของที่จริงๆ เขามานั่นแหละแกถึงจะยอมหยุด เฮ้อ! เจ๊กจริงๆ ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนจีนส่งเสียงคุยเจี๊ยวจ๊าวราวกับบ่อนนกกระจอกที่ตรอกสลักหินสมัยอากงฉันยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด ถ้าสูบบุหรี่กับเล่นไพ่ได้คงทำกันไปนานแล้ว
" สีเกด … ทำไมไม่จองการบินไทยให้คุณพี่ "
" ตอนนี้เขามีที่ไหนกันล่ะคุณพี่ ถ้ามีน้องก็จองไปนานแล้ว น้องรู้ว่าพี่ชอบการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า สายอื่นๆ พี่ไม่ขึ้นน้องรู้ … แต่ที่บินมาเก๊ามีแค่ 2 สายการบิน ส่วนการบินไทยสไมล์ จะเริ่มบินกรุงเทพ-มาเก๊า วันที่ 7 กรกฎาคม 2555 สายการบินที่เรามาก็ชอบดีเลย์ น้องเลยต้องจองให้ไฟลท์เช้าเผื่อเวลาไว้ … "
นั่นแหละฉันถึงหุบปาก ดีเลย์คงจะเป็นธรรมดาเมื่อฝนฟ้าอากาศไม่อำนวยแต่ยกเลิกเที่ยวบินเฉยๆ นี่ต้องด่าเพราะนอกจากไปไม่ทันแล้วอาจถูกฟ้องหัวโตได้ เอาเถอะมาจนป่านนี้แล้ว สักพักพนักงานบนเครื่องเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดีก็สาธิตวิธีใช้เสื้อชูชีพ ซึ่งขอสารภาพเลยว่าเกิดมาไม่เคยตั้งใจฟังสักครั้ง หากเครื่องตกคงตกกะใจตายไปก่อนยังไม่ต้องรอให้หายใจไม่ออกตายหรอก น้องผู้ชายคนเดิมที่ยืนรอสาธิตยื่นหน้ามาหาพวกเราแล้วพูดว่า
" แต่งงานกันมั้ย? " บ้า! ตื่นเสียทีอีแก่! ความจริงเขาพูดว่า
" ผู้โดยสารนั่งอยู่ข้างประตูฉุกเฉินกรุณาตั้งใจฟังนะครับ " เพิ่งรู้ว่าต้องดึงเชือกจากเสื้อชูชีพออกแล้วเป่าลมเข้าไป โธ่! อีฟาย ถ้าเครื่องบินตกตอนแก่ก็คงตายแหงๆ แก่จนป่านนี้เพิ่งรู้ว่าทำยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้รู้แล้ว สมมุติว่าเครื่องบินตก (ซึ่งมีแค่ 1%) คนที่จะตายคนแรกในหมู่เฮาฉันว่าเป็นสีเกด นางชอบหลับตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้นจนเครื่องลง คงไม่ต้องควานหาศพให้ระบุสาเหตุการตายว่า ไหลตายไม่ใช่เครื่องตก ขณะที่น้องพนักงานกำลังสาธิตอยู่ กลุ่มอีเฮียแถวข้างก็คุยกันยังกับมาเชงเม้งชลบุรี ล้งเล้งช้งเช้งเป็นที่สุดจนฉันอยากจุดประทัดยัดใส่ปาก ขนาดฉันหลับไปแล้วยังได้ยินเสียงแว่วๆ ของอีเฮียพวกนี้อยู่เลย มารยาทไม่ต้องพูดถึง เรื่องเสียงดัง … อือ … ดังลืม! ขนาดนักร้องเจ็กอย่างฉันยังรู้สึกเป็นผู้ดีขึ้นมาเฉยๆ ตอนเจอก๊วนนี้ เอาเถอะหลับตานอนไปเดี๋ยวสักพักก็ถึงแล้ว แต่ยังไม่ทันนอน อีคนข้างหลังก็กรนเสียงดังยังกับฉันนั่งพิงโรงสี … เฮ้อ! กู
เมื่อเครื่องแล่นลงจอด ไฟสัญญาณรัดเข็มขัดยังอยู่ พอกัปตันประกาศให้ผู้โดยสารนั่งและรัดเข็มขัดอยู่กับที่ เสียงแกร๊กๆๆ ปลดเข็มขัดก็ดังขึ้นพร้อมๆ กันเป็นสิบๆ ครั้ง ทันทีทันใด ผู้โดยสารจากด้านหลังเครื่องก็กรูกันออกมาด้านหน้ายังกับไฟไหม้ท้ายเครื่อง ฉันตกใจ!
" ไม่ต้องตกใจนะฮะ … พวกคนจีนจะรีบแย่งกันลงจากเครื่องไปต่อคิวตรวจคนเข้าเมือง พวกเขาไม่ชอบรอฮ่ะ " ข้าวตูผู้เคยมามาเก๊าแล้วบอกฉันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉย
พอลงจากเครื่องได้คนพวกนี้ก็วิ่งแตกตื่นแซงไปข้างหน้าราวกับว่าใครไล่ยิงหรือเกิดเหตุระเบิดวุ่นวายใกล้ๆ … กูล่ะเชื่อเลย!
ผ่านต.ม.มา คนของทางโรงแรมก็มารับพวกเราขึ้นรถอเนกประสงค์ไฮโซ … วุ้ย! มีความสุข ไม่ต้องเบียดกับใครอีกต่อไป … วีไอพีมูฟเม้นท์ ! (Vip Movement) สีเกดว่า
5 นาทีก็ถึงโรงแรมที่พัก ฮาร์ดร็อกโฮเต็ล (Hard Rock Hotel) ที่ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ต้อนรับมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษเขียนว่า … "Hello … I Love You … Wont you tell me your name" … The Doors คงจะเป็นประโยคจากเพลงหรือหนังอะไรสักอย่าง มันคือประโยคต้อนรับที่น่ารักขี้เล่นและเก๋ไก๋กว่าแค่ยินดีต้อนรับที่โรงแรมอื่นๆ เขาเขียนกัน แปลได้ว่า " สวัสดี ฉันรักคุณ คุณชื่ออะไร " พวกเรายังไม่เข้าเช็กอิน เพราะต้องรอห้องตอน 4 โมงเย็น เลยฝากกระเป๋าไว้แล้วออกไปเดินเล่น … โรงแรมในละแวกนี้มีทั้งห้องพักและกาสิโนอยู่ด้วยทุกโรงแรม ไม่ว่าจะเป็น Grand Hyatt, Crown Towers, Sands Galaxy, Venetian ติดกับโรงแรมที่พักเป็นแหล่งช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมไฮโซที่พวกเราเชิดใส่เพราะ … ไม่มีปัญญาซื้ออ่ะ! อะไรที่อยู่ใกล้ๆ หรือติดกันถือเป็นของตาย เดินดูเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเราเลยเรียกแท็กซี่นั่งข้ามฝั่งไปอีกฝั่ง ฝั่งมาเก๊าที่มีของกินเยอะๆ และของใช้ที่พวกเราพอซื้อไหว แค่สะพานข้ามฝั่งที่ยาวเฟื้อยและมีหลายสะพานก็ทำให้ฉันทึ่งกับเมืองแห่งความฝันและการเสี่ยงโชคเมืองนี้แล้ว … รถมาจอดหยุดที่หน้าร้านเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง ฝนก็เทลงมาพอดี พวกเราเลยต้องวิ่งเข้าร้านหาซื้อร่มและถือโอกาสช็อปปิ้งเสื้อผ้าลดราคาอย่างมีความสุข ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ เดินเข้าซอกเล็กซอกน้อย เจอร้านที่มีของแห้งไว้ทำอาหารจีนขาย ฉันเล็งไปที่ กังป๋วย (หอยเชลล์แห้ง) กับเห็ดหอมญี่ปุ่น ราคาถูกกว่าบ้านเรา จะพลาดได้อย่างไรล่ะ ได้มา 2 ถุง หมดไป 4 พันฝ่าๆ มันเพิ่งจะเริ่มต้น
จากนั้นเราก็เดินเข้าแหล่งช็อปปิ้งของกินที่ใครๆ ก็ต้องมาให้ถึง …
โปรดติดตามตอนต่อไป
.........................................
(หอฮ่อ (I) : คอลัมน์เล่นหูเล่นตา : โดย...เจนนิเฟอร์คิ้ม)