
ป่าละอู ดูช้างป่า ตามหาผีเสื้อ
ป่าละอู ดูช้างป่า ตามหาผีเสื้อ : คอลัมน์ชวนเที่ยว : http://www.oknation.net/blog/ontheway
เพียงแค่พ้นจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่กจ.3(ห้วยป่าเลา) ผมลดกระจกรถลง อากาศที่ร้อนอบอ้าวเปลี่ยนเป็นความเย็นสดชื่น ไม่นานนักก็ถึงจุดหมายปลายทาง
น้ำตกป่าละอู ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากหัวหินเพียง 60 กิโลเมตร จากทางหลวงหมายเลข 4 เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3219 ขับรถไปเรื่อยๆ ไปตามเส้นทาง ผ่านด่านของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและจะเจอกับหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ จากนั้นขับรถไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะเข้าถึงน้ำตกป่าละอู
ด้วยความที่น้ำตกป่าละอูอยู่ไม่ไกลจากเมืองหัวหินเท่าไหร่นัก ที่นี่จึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยี่ยมเยือนเสมอ ด้วยความที่ป่าละอู อยู่ในเขตพื้นที่ตอนใต้สุดของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ใหญ่มากที่สุดในประเทศ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่นิยมดูผีเสื้ออีกแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงศาลาที่พักก่อนเดินเข้าน้ำตก ผมพบผีเสื้อหลายตัวเกาะอยู่ใกล้ๆ ทั้งผีเสื้อพเนจร ผีเสื้อหนอนใบรัก ผีเสื้อจรกา และผีเสื้อหนอนใบกุ่มเนโร ข้ามสะพานไม้ไผ่ไปอีกฟากหนึ่งของลำธาร ปลาพลวงจำนวนมากอาศัยอยู่ตามแอ่งน้ำ ต้นไม้ใหญ่หลายต้นสูงเด่นตระหง่าน ป่าที่นี่ยังคงอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ลำธารใสเย็น จนผมอดไม่ได้ที่จะต้องแวะถ่ายรูปข้ามสะพานคอนกรีตอีกแห่งหนึ่ง ก่อนเดินขึ้นเขาตามเส้นทางเดินที่อุทยานทำไว้ให้ บางช่วงพื้นดินยังลื่นอยู่บ้างเพราะฝนที่เพิ่งตกลงมาเมื่อวาน ผมหยุดถ่ายรูปเป็นระยะเมื่อเจอเห็ดกรวยทองตะกูเห็ดชนิดนี้เป็นเห็ดเราจะพบเจอได้บ่อยๆ ตามขอนไม้ข้างๆ ทางรูปร่างสวยงาม
น้ำตกป่าละอูชั้นที่ 1-3 เหมาะสำหรับการเล่นน้ำ เป็นชั้นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและการเดินก็เดินไปอย่างไม่ยากลำบากเท่าไหร่นัก แต่พอเลยขึ้นไปยังน้ำตกชั้นอื่นๆ ทางเดินบางช่วงต้องอาศัยการไต่ไปตามโขดหิน บางช่วงจะมีเชือกเส้นใหญ่ผูกไว้ตามต้นไม้ต่างๆ เป็นราวช่วยคอยยึดจับพอจะทำให้เดินได้สะดวกขึ้น ระหว่างทางผีเสื้อชนิดหนึ่งบินมาใกล้ๆ นั่นคือผีเสื้อหางพลิ้ว ผีเสื้อชนิดนี้มีขนาดเล็กแต่ความสวยงามโดดเด่นอยู่ที่ปลายปีกคู่หลังที่ยื่นยาวออกมาเป็นพิเศษ ดูสวยงามแปลกตา ผีเสื้อหางพลิ้วเป็นผีเสื้อที่พบได้ง่าย โดยเฉพาะริมธารน้ำตกแบบนี้
ผมเดินผ่านน้ำตกชั้นที่ 4 มาเรื่อยๆ โดดข้ามก้อนหิน จนมาถึงน้ำตกป่าละอูชั้นที่ 5 หยุดพักที่นี่อยู่พักใหญ่ มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำอยู่ไม่กี่คน ที่จริงแล้วน้ำตกป่าละอูเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีความสูงทั้งหมดถึง 15 ชั้นไหลลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ เป็นทางยาว โดยเฉพาะชั้นที่ 7 ที่ว่ากันว่า เป็นชั้นที่สวยงามที่สุด และมีทางเดินต่อข้ามเขาไปยังน้ำตกอีกแห่งหนึ่งคือน้ำตกชลนาฏได้ด้วย แต่เจ้าหน้าที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นมาเพียงชั้นที่ 5 เท่านั้น
ตั้งแต่ชั้นที่ 6 ขึ้นไปจนถึงชั้น 15 หนทางเดินสูงชันเต็มไปด้วยอันตราย ถ้านักท่องเที่ยวคนไหนต้องการเดินขึ้นไปให้ถึงควรจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ให้นำทางให้ และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญกว่านั้น น้ำตกป่าละอูนี้เป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างจากชายแดนไทย-พม่าแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น จึงไม่เหมาะที่นักท่องเที่ยวจะออกเดินป่าท่องเที่ยวไปเองโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปด้วย
เสียงฟ้าคำรามมาแต่ไกล ผมแหงนมองท้องฟ้าเบื้องบน ไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มมาเรื่อยๆ ลมพัดแรงมากขึ้น ผมหยุดถ่ายรูปตัดสินใจเดินทางกลับ ก่อนที่ฝนจะเทลงมา ขากลับผมมาหยุดถ่ายรูปผีเสื้ออีกครั้งใกล้ๆ กับสะพานไม้ไผ่ ผีเสื้อหลายตัวจับกลุ่มอยู่ริมลำธาร ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ และนั่งลงอยู่ข้างโขดหิน ค่อยๆ กดชัตเตอร์ มีผีเสื้ออยู่หลายชนิดทั้ง ผีเสื้อหนอนใบกุ่มเนโรหลายตัว ผีเสื้อหางติ่งนางละเวง ผีเสื้อหางติ่งเฮเลน ผีเสื้อในกลุ่มผีเสื้อเณร และผีเสื้อปลายปีกส้มใหญ่ สำหรับผีเสื้อปลายปีกส้มใหญ่นี้ป็นผีเสื้อที่มีลวดลายของปีกล่างคล้ายกับใบไม้แห้งมาก นับว่าเป็นการพรางตัวอย่างหนึ่งของผีเสื้อ
ผมกลับมาถึงที่พักได้ไม่กี่นาทีท้องฟ้าคำรามดังขึ้นอีก ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก บ่ายวันนั้นผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการนั่งมองสายฝน จนกระทั่งสายฝนจึงหยุดสนิทในช่วงเย็น
“ช้างเหรอ เดินมาหน้าร้านนี้ประจำทุกเย็นนั่นแหละ” พี่บุษบา เจ้าของร้านกาแฟสดชมช้าง บอกเมื่อเช้าก่อนที่ผมจะเดินทางเข้าไปที่น้ำตกป่าละอูขณะที่ผมถามถึงช้างป่าที่มีอยู่ที่ป่าละอูแห่งนี้
“ถ้ายังไงตอนเย็นๆ มานั่งรอที่ร้านอาหารสหกรณ์ตรงนั้นก็ได้ ช้างจะมาทุกวัน” พี่บุษบาบอกพลางชี้ไปทางร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร นั่นทำให้เย็นวันนั้นผมมาอยู่ที่ร้านสหกรณ์ บ้านห้วยสัตว์ใหญ่แห่งนี้ และทำให้ผมได้พบกับพี่ก้องเจ้าของร้าน อดีตคนเมืองกรุงที่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ 10 กว่าปีแล้ว “ประมาณ 1-2 ทุ่มนั่นแหละถึงจะมา” พี่ก้องบอก และยังเล่าเรื่องราวต่างๆ ของป่าละอูแห่งนี้ ทั้งเรื่องราวในอดีตจนมาถึงตอนนี้ เรื่องราวของผู้คน ป่าไม้ และสัตว์ป่า โดยเฉพาะเรื่องราวตำนานของ ‘ท่านกวม’ ช้างป่าจ่าฝูงตัวใหญ่แห่งป่าละอู
เสียงประทัดดังขึ้นไม่ไกลนัก พี่ก้องบอกว่าเป็นเสียงประทัดที่ชาวบ้านจุดไว้คอยไล่ไม่ให้ช้างป่าเข้าไปในเขตเพาะปลูกของชาวบ้าน “ถ้าเสียงดังแบบนี้ อีกพักเดียวก็มาที่นี่นั่นแหละ บางทีก็เดินเข้ามาในร้านเลย” พี่ก้องบอกด้วยน้ำเสียงธรรมดา พลางชี้ให้ดูหลังคากระเบื้องที่มีรอยแตกที่เกิดจากช้างเดินมาชน ผมมองยิ้มๆ กลายเป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ไปแล้ว ที่ช้างป่าหลายตัวจะเดินมาเข้ามาในหมู่บ้าน บ้านห้วยสัตว์ใหญ่แห่งนี้
“เมื่อตอนที่มีพระโดนช้างทำร้ายก็ตรงหลังร้านที่คุณไปยืนดูเมื่อกี้นี้แหละ” ผมพอจะจำข่าวนี้ได้บ้างเมื่อประมาณต้นปีมีพระธุดงค์รูปหนึ่งโดนช้างป่าทำร้าย แต่โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เรื่องราวระหว่างคนกับช้างป่าที่ป่าละอูแห่งนี้ยังพอมีอยู่บ้าง และชาวบ้านเองก็ร่วมมือช่วยกันหาแนวทางป้องกันและแก้ไข
จะว่าไป ก่อนเดินทางมาที่นี่ ถนนจะตัดผ่านเข้าพื้นที่ป่าของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก่อน แล้วจึงทะลุมาออกที่ชุมชนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ที่ป่าละอูแห่งนี้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ได้ประกาศเป็นเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เมื่อดูแผนที่ประกอบก็ไม่ผิดเลยที่ผมจะบอกว่า บ้านห้วยสัตว์ใหญ่แห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยผืนป่าแก่งกระจาน และในเส้นระหว่างทางหลวงสาย 3219 นี้เอง เป็นเส้นทางที่ผู้สัญจรไปมาจะพบเจอช้างป่าออกมาเดินอยู่ตามริมทางถนนได้เสมอๆ จนต้องรณรงค์ไม่ให้นำอาหารไปโยนให้แก่ช้างป่าตามทาง เพราะนั่นจะทำให้ช้างป่าออกมาอยู่ริมถนนและอาจเกิดอันตรายได้
ผมกลับไปที่พักและกลับมาที่ร้านสหกรณ์อีกครั้งตอน 2 ทุ่ม ทันทีที่จอดรถผมหันไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน ระยะไม่เกิน 50 เมตร ช้างป่าตัวหนึ่งกำลังเดินขึ้นมาจากไหล่ทางเบื้องหน้าและตามมาด้วยช้างป่าอีก 2 ตัว
“มาแล้วๆ” พี่ก้องและเพื่อนร้องทัก เมื่อเห็นผมเดินเข้ามา “ไม่ได้มาคนเดียวนะมีเพื่อนมาด้วย” ผมร้องบอกพลางเดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นๆ ช้างป่าตัวหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ หลังคาต่ำทำให้ช้างหยุดอยู่แค่ภายนอกร้านระยะห่างไม่ถึง 10 เมตรที่พวกเรานั่งอยู่
“บุญช่วย วันนี้ไม่มีอะไรให้กิน วันอื่นมาใหม่นะ” พี่ก้องร้องบอกไปที่ช้างตัวที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมอยู่หลายครั้ง ผมได้แต่ยิ้ม เมื่อได้ยินพี่ก้องร้องบอกช้างป่าราวกับบอกเพื่อนสนิท พี่ก้องบอกว่าช้างตัวนี้มาแทบทุกวันจำได้เลยตั้งชื่อให้ซะเลย
ร่วม 15 นาทีที่ช้างป่า 3 ตัวจะเดินถอยจากไป จนกระทั่งหายไปในความมืด ทุกวันนี้ยังมีข่าวการล่าช้างป่าอยู่เสมอ เพราะความเชื่อผิดๆ ทั้งการล่าเอาอวัยวะไปทำยา ล่าเอางาไปประดับบ้าน เป็นเครื่องลางของขลัง
ทุกครั้งที่เห็นภาพข่าวอดไม่ได้ที่ผมจะต้องเบือนหน้าหนี ผมหวังเหลือเกินว่าจะมีวันหนึ่งวันที่คนจะหยุดที่จะล่าช้างป่าและสัตว์ป่า วันที่สัตว์ป่าจะได้มีชีวิตอยู่ในป่าอย่างมีความสุข
............................
(ป่าละอู ดูช้างป่า ตามหาผีเสื้อ : คอลัมน์ชวนเที่ยว : http://www.oknation.net/blog/ontheway)