
ปวดศีรษะแบบไหนอันตราย
อาการปวดศีรษะเป็นอาการแสดงของโรคไม่ใช่ตัวโรคเอง มีโรคอยู่หลายอย่างตั้งแต่ โรคที่เป็นอันตรายรุนแรง อย่างโรคเนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะจากความเครียดก็ได้
โดยทั่วไปมักแบ่งโรคปวดศีรษะ ออกเป็น 2กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่มีรอยโรคอยู่ในสมองและศีรษะจริง ซึ่งเป็นอันตรายรุนแรงได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและ
ทันเวลา อาจเกิดอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้ เช่น โรคเนื้องอกในสมอง, หลอดเลือดสมองโป่งพอง, เลือดออก
ในเยื่อหุ้มสมอง, เลือดคั่งในสมอง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ไม่ได้มีรอยโรคในสเครียด, ปวดศีรษะจากเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะจากเส้นประสาท
ใบหน้าอักเสบ หรือเยื่อหุ้มสมองเลย แต่เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะเอง เช่น
โรคไมเกรน ปวดศีรษะจากความเครียด
อาการปวดศีรษะในกลุ่มที่ 1 หรือกลุ่มที่มีรอยโรคในสมอง และมักเป็นอันตราย โดยจะพบมีลักษณะอาการปวดศีรษะ
ดังนี้
1.ปวดทันทีและรุนแรงมาก
2.ปวดมากแบบที่ไม่เคยปวดมาก่อนเลยในชีวิต
3.ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ โดยไม่มีช่วงหายดีเลย
4.ปวดแบบใหม่ ซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยปวดมาเป็นประจำ
5.ปวดรุนแรง พร้อมกับมีอาการคอแข็ง หรืออาเจียนมาก
6.ปวดพร้อมกับมีอาการอ่อนแรง มองเห็นภาพซ้อน ตามัว ซึมลง สับสน ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หรือหมดสติ
7.ปวดเมื่อไอ จาม หรือเบ่งถ่ายอุจจาระจะยิ่งทวีความปวดขึ้น
8.ปวดครั้งแรก เมื่ออายุมากกว่า 50 ปี โดยไม่ได้มีโรคปวดหัวใดๆ มาก่อน
การตรวจหาสาเหตุของอาการปวดศีรษะ
แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกให้ตามความเหมาะสมกับอาการของโรคที่สงสัย และลักษณะของผู้ป่วย เช่น ถ้าสงสัยภาวะเลือดคั่งในสมอง, หรือเส้นโลหิตในสมองแตก ควรตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เนื่องจากเป็นภาวะฉุกเฉิน เครื่องนี้จะตรวจได้ไว และไม่จำเป็นต้องเตรียมการตรวจซับซ้อน ถ้าสงสัยหลอดเลือดขอดในสมอง, เนื้องอกในสมอง อาจต้องทำการตรวจด้วย เครื่องสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) โดย MRI-Scan หรือ MRA-Scan เพื่อดูอย่างละเอียดทั้งในส่วนของสมอง และหลอดเลือด ถ้าสงสัยภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกซึมในขั้นเยื่อหุ้มสมอง นอกจากการตรวจ CT-Scan หรือ MRI-Scan แล้ว แพทย์จำเป็นต้องเจาะตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างละเอียดต่อไป
ข้อแนะนำ
หากมีอาการปวดที่ชวนสงสัย โรคทางสมองที่กล่าวมาแล้วควรรีบพบแพทย์หรือ หากมีอาการไม่เหมือนข้อใดเลยแล้วรักษาไม่หาย ปวดศีรษะอยู่นาน ก็ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาการใช้ยาที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากการกินยา อย่าลืมว่าโรคปวดศีรษะต้องรักษาที่ต้นเหตุของโรค ไม่ใช่ใช้เพียงยาแก้ปวดเท่านั้น
โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม โทร.0-5392-0333