'เด็กบดินทรฯ'ลั่นอดข้าวประท้วง | คมชัดลึก

                  19 พ.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ประตู 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) กลุ่มนักเรียน ชั้นม.3 โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี) จำนวน 5 คน ได้นั่งอดข้าวประท้วงเรียกร้องสิทธิ์ ให้ได้เข้าเรียนต่อในระดับชั้นม.4 หลังจากที่ไม่ผ่านเกณฑ์เข้าเรียนในชั้นม.4 โรงเรียนบดินทรเดชาฯได้ โดยมีผู้ปกครองและเพื่อนนักเรียนที่พลาดหวังการเข้าเรียนมาร่วมให้กำลังใจประมาณ 30 คน

                  นายอภิวัฒน์ ซอฐานานุศักดิ์ หนึ่งในนักเรียนที่อดข้าวประท้วง กล่าวว่า ที่ผ่านมาพวกตนได้ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อผู้ที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการคัดนักเรียนชั้น ม.3 เรียนต่อ ม.4 แล้ว แต่เรื่องก็ยังนิ่งเฉย ดังนั้นตนและเพื่อนอีก 4 คนจึงเป็นตัวแทนนักเรียนคนอื่น ๆ อดข้าวประท้วงจนกว่าจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนบดินทรเดชาฯเพราะถูกแย่งสิทธิ์โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะการรับเด็กเงื่อนไขพิเศษ ที่เปิดช่องให้เรียกรับเงินแปะเจี๊ยะได้ ซึ่ง จะเห็นได้ว่ามีเด็กที่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้นเพียง 1 เกรดกว่าก็เข้าเรียนได้ แต่ตนและเพื่อนได้เกรดเฉลี่ย 2 กว่าแต่ไม่ได้เรียน ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมจึงเสนอว่า การเข้าเรียนต่อในชั้น ม.4 จะต้องใช้การสอบคัดเลือกทั้งหมดเช่นเดียวกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมกับเด็กทุกคน

                  นางณัฐามณี กุศลสวัสดิ์ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชาฯ กล่าวว่า ลูกสาวของตนจบชั้นม.3 จากที่นี่แต่เรียนต่อไม่ได้ เพราะไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่โรงเรียนกำหนดแม้จะเป็นเด็กที่ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนมาตลอดก็ตาม จึงขอร่วมเรียกร้องจนกว่าจะมีการอนุมัติให้กลุ่มนักเรียน ชั้น ม.3 เดิมทุกคนได้เข้าเรียนต่อ ม.4 ในโรงเรียนบดินทรเดชาฯ อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็กังวลใจว่า จะได้เข้าเรียนหรือไม่เพราะจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 23 พ.ค.นี้แล้ว ส่วนกรณีที่จะให้เด็กกลุ่มนี้ไปเรียนที่โรงเรียนอื่นแทนนั้นตนไม่อยากให้ลูกสาวไปเพราะลำบากในการรับส่ง เนื่องจากมีลูกสาวอีกคนหนึ่งก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนบดินทรเดชาฯ

                  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายได้มีนางสมบูรณ์ บุศยศิริ รองผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชาฯและอาจารย์อีก 1 คนมาพบปะกับนักเรียนที่มาร่วมเรียกร้องสิทธิ์ด้วยโดยนักเรียนหญิงคนหนึ่งร้องไห้เมื่อเจออาจารย์และนางสมบูรณ์ต้องการจะพานักเรียนไปทานข้าวแต่ผู้ปกครองไม่ยินยอม

 

'สุชาติ'ตั้งกก.สอบผอ.บดินทรเดชารับสินบนสอบม.4

                นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช  รมว.สึกษา กล่าวกรณีที่นักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชาประท้วงร้องเรียนพฤติกรรม ผอ.โรงเรียน ว่า มีการรับสินบนกรณีการสอบเข้าเรียนต่อชั้นม.4 ว่า จะตั้งกก.สอบให้แล้วเสร็จภายใน 1- 2วันนี้โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาเป็นประธานเพื่อดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร  จากรายงานได้รับทราบว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่พลาดหวังจากการสอบเข้าเข้าเรียนต่อชั้น ม. 4  ที่โรงเรียนเดิม  และอ้างว่าผอ.มีพฤตกรรมมิชอบ ซึ่งตนได้หารือกับสพฐ.และสพฐ.แจงว่ากติกาที่วางไว้  เป็นไปตามเดิมตั้งแต่สมัยรัฐาลพรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายชินวรณ์  บุญเกียรติ เป็น รมว.กระทรวงศึกษา  เกรงว่าหากมีการผ่อนปรนระบบจะเสียส่วนเด็กที่พลาดหวังจากการเรียน ม.4 สพฐ.ได้จัดโรงเรียนเตรียมให้แล้วอยู่ในพื้นที่ เพียงแต่เด็กกลุ่มนี้ไม่เข้าไปเรียนโรงเรียนที่จัดหาให้ไว้

 

ปลัดศธ.แจงเงินบริจาคไม่ใช่แป๊ะเจี๊ยะ

                นางศศิธารา พิชัยชาญณรงค์  ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า  ตนได้รับมอบหมายให้เป็นประธานในการสอบสวนการรับเงินแป๊ะเจี๊ยะของผอ.โรงเรียนบดินทรเดชาว่า มีการเรียกรับจริงหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการสอบประมาณ 15 วัน หากไม่เสร็จก็จะขยายเวลาไป 30 วัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ยาก

                "สำหรับเด็กนักเรียน 5 คน ที่ไปประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล ตนได้รับทราบแล้ว เบื้องต้นจากข้อมูลที่ผอ.โรงเรียนบดินเดชาฯรายงานมา พบว่าเด็กสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้  ซึ่งทางกระทรวงก็จะหาโรงเรียนใกล้เคียงกับโรงเรียนบดินทรฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพไม่ต่างกันมากนักให้กับนักเรียนทั้ง 5 คน  ทั้งนี้ยืนยันว่าระเบียบดังกล่าวของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นระเบียบที่ปฏิบัติมาทุกโรงเรียน อย่างไรก็ตาม  ตนมีความเห็นใจนักเรียนที่สอบไม่ผ่าน" นางศศิธารา กล่าว

                นางศศิธารา ยังได้ชี้แจงเรื่องความแตกต่างของเงินแป๊ะเจี๊ยะว่าต่างจากเงินบริจาคให้โรงเรียนว่า ผู้ปกครองสามารถบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียนได้ หากเห็นว่ามีประโยชน์ และยินดีที่จะบริจาคให้  อาทิ เช่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องดนตรี ทั้งนี้ ยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการบริจาคไม่ใช่การให้เงินแป๊ะเจี๊ยะ โดยทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้

                อย่างไรก็ตาม การบริจาคเงินหรืออุปกรณ์สนับสนุนการเรียนไม่มีผลต่อการเข้าเรียนแน่นอน