
เก็บตะวัน วังน้ำเขียว
เก็บตะวัน วังน้ำเขียว : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์
หลังจาก "วังน้ำเขียว" ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ในหนังสือพิมพ์ และหน้าใน มาหลายเพลา หลังจากที่สถานที่นี้บูมสุดขีด ใครๆ ก็หลั่งไหลไปเที่ยว ไปสูดโอโซน ซึ่งเมื่อก่อนได้ชื่อว่า เป็นแหล่งโอโซนสูงเป็นอันดับ 7 ของโลกทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ ตกไปอยู่อันดับที่เท่าไหร่แล้ว เพราะพอนักท่องเที่ยวเข้าไปมากๆ ก็เกิดบ้านพัก รีสอร์ทตามมามากมาย รถราติดบนเขาในหน้าเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี
แล้วสุดท้ายก็เป็นคดีความ เรื่องรุกที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ รู้หรือไม่รู้ก็ตามที
วันนี้ วังน้ำเขียว ก็ยังอยู่ในความไม่แน่นอน แต่ที่แน่ๆ วังน้ำเขียวสงบเงียบลงมาเยอะทีเดียว และยิ่งเข้าหน้าฝนแบบนี้ นักท่องเที่ยวก็น้อยลงไปมาก
ฉันเลยถือโอกาสไปสูดโอโซนในวันที่คนเบาเบากับเขาบ้าง เพราะอย่างน้อยที่พัก ก็ไม่ต้องแย่งกัน ถนนหนทางก็ไม่น่าจะรถติด โดยเฉพาะเส้น 304 ช่วงขึ้นเขาแคบๆ จุดหมายปลายทางของฉันอยู่ที่ “ผาเก็บตะวัน” อุทยานแห่งชาติทับลาน หน่วยย่อยที่ 11 (บ้านไทยสามัคคี) ที่เคยไปนอนเล่นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนอากาศหนาวๆ
พี่บิ๊กไทรทัน พาฉันเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปทางฉะเชิงเทรา ก่อนตัดเข้าเส้น 304 มุ่งหน้าตรงไปวังน้ำเขียว ถนนเส้นนี้ขับตรงไปอย่างเดียวไม่ต้องวอกแวกไม่ว่าจะผ่านกี่แยก เพราะถนนเส้นนี้ สามารถแยกไปปราจีนบุรี ไปสระแก้ว แล้วยังลัดไปนครราชสีมา บุรีรัมย์ ได้อีกด้วย หรือใครสะดวกออกทางปากช่องก็ไปได้ ขึ้นทางเขาแผงม้าแล้วไปทะลุออกวังน้ำเขียวได้เช่น
ฉันแวะกินกาแฟที่ หินซ้อนกาแฟสด ร้านคุ้นเคยข้างทางที่ตลาดเขาหินซ้อน ออกจากร้านนี้ ก็มุ่งหน้าตรงต่อไป ถึงสี่แยกกบินทร์ ก็ตรงไปตามป้ายที่บอกว่าไปปักธงชัย นครราชสีมา ถนนช่วงนี้เป็นต้นไป ก็เริ่มเป็นทางขึ้นเขา บางช่วงเป็นเลนสวนกัน บรรดารถใหญ่ๆ ต่างรู้ตัวถึงความอืดอาดเวลาขึ้นเขา เลยขับชิดซ้าย ให้รถเล็กๆ แซงขึ้นไปได้ในยามที่ไม่มีรถสวนทางมา
ถนนเส้นนี้แหละ ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะรถเบรกแตกตกเขา หรือไม่ก็พุ่งชนกับรถที่สวนทางมา พี่บิ๊กของฉันช่วยให้อุ่นใจไม่ว่าจะแซง หรือจะเข้าโค้ง ขับสบายๆ จนเลยแยกไปเขาแผงม้า ผ่านตัวอำเภอ และตลาดสด จนเห็นป้ายหมู่บ้านไทยสามัคคีอยู่ฝั่งขวา ก็เลยไปยูเทิร์นรถมาเลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้านไทยสามัคคี เข้าซอยไปไม่ไกล ก็เป็นแหล่งซื้อของฝากข้างทาง หน้าวัดบุไผ่ มีทั้งองุ่นสด น้ำองุ่น สารพัดเห็ดและผลิตภัณฑ์จากเห็ดที่นี่ขึ้นชื่อก็น่าจะเป็นแหนมเห็ด แล้วแต่ใครชอบอะไร
ตามเส้นทางไป ตลอดแนวถนนมีทั้งร้านอาหาร และรีสอร์ทที่พักฮิพๆ ขึ้นมาเยอะ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานบอกว่า จากถนน 304 เข้ามาถึงวัดบุไผ่ ไม่ใช่ที่อุทยาน แต่จากวัดเรื่อยเข้ามาเป็นที่อุทยาน ซึ่งผ่อนผันกันพื้นที่บางส่วนให้ชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่ในเขตป่าตั้งแต่สมัยคอมมิวนิสต์ ได้อพยพออกมาทำมาหากินกัน ที่นี่เลยมีแค่ เอกสารเสียภาษีบำรุงท้องที่ ภ.บ.ท.5 ซะเป็นส่วนใหญ่ นี่ละมั้งเลยเป็นที่มาของข่าวคราวการรื้อถอน และยึดพื้นที่คืนอุทยานกัน
รีสอร์ทตลอดทาง เงียบ ถึงเงียบมาก หลายแห่งปิดล็อกประตูไว้ ไม่รับนักท่องเที่ยว แต่ฉันไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักเพราะส่วนที่ฉันและพี่บิ๊กจะเข้าไปด้วยกัน คือ ผาเก็บตะวัน ผาเก็บตะวัน วันนี้ มีปรับปรุงสถานที่ไปเยอะ จากเดิมๆ ก็เพิ่มป้ายชื่อก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นมา มีหลักก.ม.ใหญ่ ตั้งอยู่บนเนิน จนใครไปใครมาก็ไปถ่ายรูปกัน แต่ตัวเลขที่เป็น ก.ม.39 นั้น จริงๆ ไม่ใช่ว่าที่นี่ตั้งอยู่บริเวณหลักก.ม.ที่ 39 นะ แต่เป็นตัวบอกให้รู้ว่า ที่นี่ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 39 ของประเทศต่างหาก
เข้าหน้าฝนแบบนี้ นักท่องเที่ยวบางตา ผิดกันลิบลับกับภาพในหน้าหนาว ที่มีนักท่องเที่ยวมาตั้งเต็นท์พักแรม เต็มไปหมด ขนาดว่าถึงขั้นรถติดเป็นกิโลๆ ทีเดียว กว่าจะเข้ามาถึงผาเก็บตะวัน ผาเก็บตะวันเลยเป็นของฉันเกือบจะคนเดียว เพราะค่ำคืนนั้น มีกันอยู่ 2 เต็นท์ แบบสบายๆ สงบๆ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้ามาชมตะวันตอนตกดิน ถ้าฟ้าเปิดก็จะเห็นได้สวยงาม หรือยามเช้าก็อาจจะได้เห็นทะเลหมอก ถ้าความชื้นพอ... และดูเหมือนจะเป็นไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่ คือการปลูกป่าด้วยการยิงเมล็ดพันธุ์ด้วยหนังสติ๊ก
พี่ตุ่น ประสงค์ เขียวกิ่ง เจ้าหน้าที่ที่มาดูแลนักท่องเที่ยว บอกว่า ที่นี่ก็มีรายได้เล็กๆ น้อยๆ จากการขายเมล็ดพันธุ์ และหนังสติ๊ก ให้นักท่องเที่ยวไปยิงเล่น (แบบหวังผล) นี่แหละ เมล็ดพันธุ์ที่เอาไปยิงเป็นเมล็ดมะค่า ที่ซื้อมาจากชาวบ้านอีกที
"เมล็ดมะค่าที่ยิงไป ก็มีขึ้นบ้าง แต่บางเมล็ดไปติดอยู่ในกองใบไม้ พอแตกต้นอ่อนรากหยั่งไม่ถึงพื้นดิน ก็ตายไปเยอะ ว่ากันตามจริง ปลูกแบบเพาะต้นมา แล้วขุดดินปลูก จะได้ผลมากกว่า”
แต่ไม่ว่าจะได้ผลไม่มาก หากกิจกรรมแบบนี้ มีทั้งความสนุกสนานแบบหวังผล เด็กๆ ชอบ แล้วยังให้ความรู้สึกว่าได้ทำประโยชน์ให้แก่ป่าบ้าง ไม่มากก็น้อย หรือคนที่อยากปลูกต้นไม้ในป่าแต่ไม่มีเวลาก็ทำได้
ตะวันคล้อยบ่าย แสงแดดอ่อนแรง นักท่องเที่ยวทยอยกันมาดูอาทิตย์ตก แต่ก็ไม่มากนักในยามนี้ แถมหน้าฝนยังต้องลุ้นพอสมควรว่าจะได้เก็บตะวันมั้ย เย็นนั้นผิดหวังเล็กน้อยเพราะตะวันซ่อนตัวในเมฆก้อนใหญ่ แต่ก็ระเบิดแสงสุดท้ายขึ้นมาเป็นกำลังใจให้คนที่ดั้นด้นมาชมได้ดีใจ
มองลงไปหน้าผา เห็นพื้นที่เกษตรของ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ที่พอตกค่ำ ก็เหมือนเป็นดาวดินระยิบระยับให้เราเก็บเกี่ยวจินตนาการ
เช้าตื่นมา ขับรถออกมาหน่อย ขับรถออกมาหน่อย ขึ้นห้างส่องสัตว์จะได้เห็นอีกบรรยากาศของผืนป่า ที่มีแสงอ่อนทอสาดส่องมา กับหมอกฝนจางๆ ให้ความรู้สึกสุขสบาย สูดหายใจได้เต็มปอด ก่อนจะกลับไปอาบน้ำ เก็บข้าวของเสร็จตอนสายๆ ก็ได้เวลาโบกมือลาผาเก็บตะวัน ไปหามุมเที่ยววังน้ำเขียวต่อ
ออกจากผาเก็บตะวัน ผ่านหน่วยย่อยมาไม่ไกลมาก เลี้ยวขวาไปตามป้าย วังน้ำเขียวฟาร์ม เลยได้ความว่า ที่นี่เป็นแหล่งปลูกเห็ดเมืองหนาวสารพัดชนิด ปลูกเสร็จก็ขายสด แปรรูปก็มีสารพัด ที่สำคัญที่นี่เปิดเป็นแหล่งให้นักท่องเที่ยวเข้าชมโรงเพาะเห็ดได้ด้วย มีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายความ
ที่นี่มีเพาะเห็ดออรินจิ ในระบบฟาร์มปิด ติดแอร์ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งตอนนี้ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้ว ป้องกันเห็ดติดเชื้อ แต่ในโรงเปิดก็ทำให้เราได้เห็นแผงก้อนเชื้อที่วางเรียงเต็มผนัง มีทั้งเห็ดโคนญี่ปุ่นทั้งสีขาวและสีน้ำตาล เห็ดหอม เห็ดนางฟ้าภูฏานสีออกเทาหม่น เห็ดนางนวลสีชมพูหวาน เห็ดหลินจือ เห็ดหัวลิงหรือชื่อญี่ปุ่น ยามาบูชิตาเกะ หน้าตาแปลกๆ ที่มีสรรพคุณในทางยา นิยมทำพวกซุปหูฉลาม กระเพาะปลาน้ำแดง
ซื้อของฝากจากเห็ดแปรรูปเสร็จ ผักสดๆ ก็หาซื้อได้ที่นี่เหมือนกัน มีแม่ค้า 3 ครอบครัวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาขายได้ มีข้อแม้แค่ต้องเป็นผักปลอดสารพิษ หรือจะเลยออกมาหน่อย แวะสวนผักลุงไกร คนที่เล่นกีตาร์ร้องเพลงให้ผักฟัง จนโด่งดังขายผักสดๆ จนเป็นแหล่งซื้อหา แถมที่ทางของลุงไกรก็รอดพ้นจากการถูกรื้อถอนทวงคืน เพราะยังทำตามวัตถุประสงค์ของที่ที่ได้มา
ออกมาปากทาง ถนนสาย 304 พี่บิ๊กกับฉัน ยังมีเวลาพอ เลยยูเทิร์นรถไปฝั่งซ้าย เดินทางเลยไปไม่ไกลมาก แค่จัดการมื้อเที่ยงอร่อยๆ จานบิ๊ก จิบกาแฟกับเค้กอร่อยๆ เที่ยวไร่องุ่นเพลินๆ ที่วิลเลจ ฟาร์ม ถ้าเป็นคอไวน์มาที่นี่ก็ไม่น่าพลาดได้ชิมไวน์ที่หมักบ่มเองเช่นกัน
ถ้าตัดปัญหาเรื่องรีสอร์ทถูกผิดออกไป วังน้ำเขียวยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกเยอะ ทั้งธรรมชาติบริสุทธิ์ ที่พักฮิพๆ ริมทาง 304 ฟาร์มเห็ด สวนผักสดๆ ที่อุดหนุนชาวบ้านกันได้ถึงที่ ...
.....................................
(เก็บตะวัน วังน้ำเขียว : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์)