
เมียงม่าน-เมียนมาร์7:เรื่องเล็กๆในสิ่งใหญ่ๆ
เมียงม่าน... เมียนมาร์ : ตอนที่ 7 - เรื่องเล็กๆ ในสิ่งใหญ่ๆ โดย...เรื่อง : ยุวดี วัชรางกูร ภาพ : เอิบเปรม-ยุวดี วัชรางกูร
แรงกระเด้งกระดอนจากถนนเส้นเล็กๆ ทางขึ้น-ลงทิวเขาสะกาย (อดีตเมืองหลวงเก่าของพม่าในช่วง พ.ศ.2303-2307) ไม่มีผลต่ออาการหลับแดดของฉัน ต่อเมื่อแท็กซี่ที่เราเหมาจากมัณฑะเลย์ไต่ทางชันสู่พื้นที่ราบ เลียบอิรวดี...ลมรำเพยจากแม่น้ำก็ทำให้หายง่วงงุน
เรากำลังเข้าสู่หมู่บ้านเมงกุน หมู่บ้านเล็กๆ ที่สิบกว่าปีก่อนใครจะมาเยือนต้องอาศัยเรือจากมัณฑะเลย์มาถึงตัวหมู่บ้านเท่านั้น
คนขับแท็กซี่ประเคนเจดีย์ให้โดยไม่รอช้า เริ่มจากองค์ที่ขึ้นชื่อว่างามที่สุดองค์หนึ่งในพม่า เจดีย์ฉิ่นปหยู่-มยี (บางสำเนียงออกเสียงว่า ชินบยูเม) หรือ เจดีย์มยะเต่งต่าน (เมียะเตงดา) ที่พระเจ้าปะจีดอ พระราชนัดดาของพระเจ้าโบดอพญา ทรงสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 (สามปีก่อนขึ้นครองราชย์) เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระชายาพระนามว่าเจ้าหญิงฉิ่นปหยู่-มยี แนวคิดการสร้างเลียนแบบเขาพระสุเมรุที่มีเขาล้อมรอบเจ็ดลูก รอบองค์สถูปทำซุ้มตั้งรูปสัตว์ในเทพปกรณัม ทำหน้าที่เป็นทวารบาล
22 ปีต่อมาเกิดแผ่นดินไหว พระเจดีย์ทรุดลงมา พระเจ้ามินดงโปรดฯ ให้บูรณะขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2417 ออกมาเป็นเจดีย์สีขาวสะอ้านทรงลอนคลื่น
นักโบราณคดีที่มาด้วยกันก้าวอาดๆ ไปรอบองค์เจดีย์อย่างไม่หวั่นตะวันเผา ฉันกางร่มได้ก็รีบสาวเท้าตามให้ทัน เขาชี้ให้ดูร่องรอยกำแพงวัดที่ทรุดตัวลงมา จนชั้นดินปัจจุบันพอกขึ้นไปเกือบถึงหลังคาซุ้มประตู กว่าจะเดินรอบ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองสุกสนิท อาการท้องร่วงติดต่อกัน 5 วันซ้อน พาลให้ตะครั่นตะครอ...ไข้ขึ้น ร่มบังแดดถือไว้ก็ยังหนักเลยเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นไม้เท้าพยุงตัวไป
พอคนขับแท็กซี่พาเราย้ายทำเลมายังจุดยอดนิยมของหมู่บ้านนี้ คือ ระฆังเมงกุน ที่กล่าวกันว่าใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก รองจากเจดีย์ที่พระราชวังเครมลินในมอสโคว์ ส่วนลำดับสามนั้นอยู่ที่โบสถ์เซนต์ปอล กรุงโรม ฉันถือโอกาสหลบร้อนในโรงเรือนเก็บระฆังอยู่พักใหญ่ ฟังเสียงระฆังดังหงึ่งๆ (ไม่ใช่เหง่งหง่าง) ออกจะหนักๆ ทึบๆ ตามแรงเคาะของนักท่องเที่ยวต่างถิ่น
นอกจากความมโหฬารระดับความสูง 3.7 เมตร ปากระฆังกว้าง 5 เมตร หนักถึง 87 ตัน ระฆังแห่งเมงกุนยังคงสภาพดี ใช้การได้ ขณะที่ระฆังมอสโคว์ชำรุดใช้งานไม่ได้แล้ว จึงไม่น่าแปลกที่ชาวพม่าถือเป็นโบราณวัตถุศักดิ์สิทธิ์ มากราบไหว้และนั่งสวดมนต์ภาวนาภายในโรงเรือนนี้ตลอดวัน
พวกเราเดินไปตามถนนเล็กๆ ของหมู่บ้าน ไม่เกิน 100 เมตร ก็ถึงโบราณสถานสำคัญอีกแห่ง คือซากเจดีย์เมงกุน ซึ่งพระเจ้าโบดอพญาโปรดฯ ให้สร้างในช่วงปี พ.ศ. 2333-2340 หากสร้างเสร็จจะเป็นมหาเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่โตมาก เหลือแต่ซากเพราะเหตุแผ่นดินไหวปี พ.ศ. 2381 คราวเดียวกับเจดีย์ฉิ่นปหยู่-มยี
ฉันปลีกตัวลงเลาะท่าน้ำของหมู่บ้าน เห็นซากโบราณวัตถุรูปช้างและสิงห์แหว่งๆ อยู่ริมท่า แม่ค้าตั้งร้านขายเครื่องดื่ม ของที่ระลึกเรียงรายลงไป
“เพียะ...”
ฉันสะดุ้ง หันไปตามเสียงที่แหวกอากาศมา เด็กหญิงในชุดนักเรียนมอมแมมยกมือกุมแก้มข้างหนึ่ง น้ำตาเอ่อแต่ไม่มีเสียงร้อง ผู้ลงมือเป็นแม่ค้าวัยกลางคน ยืนเท้าสะเอวด่าดังลั่น ไม่รู้ด้วยเหตุอะไร ฟังไม่ออก
ตอนที่เด็กหญิงเอี้ยวตัวเดินผ่าน...น้ำตาหยดหนึ่งปลิวมาต้องหัวใจฉัน
(ติดตามตอนจบอาทิตย์หน้า ที่...อมรปุระ)
..................................
(เมียงม่าน... เมียนมาร์ : ตอนที่ 7 - เรื่องเล็กๆ ในสิ่งใหญ่ๆ โดย...เรื่อง : ยุวดี วัชรางกูร ภาพ : เอิบเปรม-ยุวดี วัชรางกูร)