
'เศวต'พระโคโคลนนิ่ง!
มทส.ทำโคลนนิ่ง โคพันธุ์ขาวลำพูนสำเร็จ เป็นตัวที่ 2 ของไทย ตั้งชื่อ "เศวต" ถูกคัดเลือกให้เป็นพระโคในพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 เม.ย. 55 ที่ฟาร์มศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา (มทส.) ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พร้อม รศ.ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนฯ มทส. ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “เศวต” โคขาวลำพูน โคลนนิ่งตัวที่ 2 ของไทย ซึ่งเป็นโคเพศผู้ ที่มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ รูปร่างสูงใหญ่ สูงโปร่ง ลำตัวสีขาวตลอด พู่หางขาว หนังสีชมพูส้ม จมูกสีชมพูส้ม เนื้อเขาเนื้อกีบสีน้ำตาลส้ม จึงถูกคัดเลือกให้เป็นพระโคในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
อธิการบดี มทส.เปิดเผยว่า โค “เศวต” แปลว่า สีขาว เป็นโคขาวลำพูน ที่นิยมเลี้ยงทางภาคเหนือตอนบน ปัจจุบันเหลือโคขาวลำพูนพันธุ์แท้อยู่ไม่มากนัก หากไม่มีการปรับปรุงพันธุ์ และอนุรักษ์ไว้อาจจะสูญพันธุ์ได้ในอนาคต จึงได้ทำการโคลนนิ่ง วิธีที่จะช่วยอนุรักษ์สายพันธุ์โคขาวลำพูนให้คงอยู่ตลอดไป ซึ่งเป็นผลงานของทีมวิจัยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มทส. โดยมี รศ.ดร.รังสรรค์ นักโคลนนิ่งที่สร้างชื่อจากการโคลนนิ่งโคได้เป็นรายแรกของอาเซียน และรายที่ 6 ของโลก กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิด มทส. ได้สร้างผลงานการโคลนนิ่ง ทั้งโคนม-โคเนื้อพันธุ์ดี รวม 29 ตัว เช่น “นิโคล” “ตูมตาม 2 ถึง ตูมตาม 8” “เต้าฮวย” โคบราห์มันแดงเพศเมีย และ “แปะก๊วย” โคนมเพศเมียพันธุ์ลูกผสมโฮลสไตน์-ฟรีเชียน ที่น้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี 2551 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา รับไว้ดูแลและศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์แก่เกษตรกร รวมถึง “ขาวมงคล” โคขาวลำพูนโคลนนิ่งตัวแรกของไทย
นอกจากนี้ ยังได้โคลนนิ่งแพะ “น้องกาย” จากเซลล์ใบหูเป็นตัวแรกของโลก เมื่อปี 2552 ทีมงานวิจัย ได้พยายามโคลนนิ่งสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ เช่น กระทิง แมวลายหินอ่อน แม้จะเป็นการโคลนนิ่งที่ใช้ตัวรับเป็นคนละสายพันธุ์กัน แต่ก็เข้าใกล้ความสำเร็จ เป็นที่น่าเสียดาย ลูกกระทิง และลูกแมวลายหินอ่อน ได้เสียชีวิตหลังคลอดนอกจากนี้ ทีมงานได้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย “สเต็มเซลล์” จากตัวอ่อนลิง และจากตัวอ่อนมนุษย์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคอุบัติใหม่ในอนาคต
ด้าน รศ.ดร.รังสรรค์ หัวหน้าศูนย์วิจัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เศวต” เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ถือเป็นความสำเร็จในการโคลนนิ่งโคพันธุ์ขาวลำพูนที่ใช้เซลล์ใบหูเป็นเซลล์ต้นแบบ ตัวที่ 2 ของประเทศ ต่อจาก “ขาวมงคล” โคขาวลำพูนโคลนนิ่งตัวแรก ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2550 สำหรับการโคลนนิ่ง “เศวต” ทีมวิจัยฯ ได้นำเซลล์ใบหูของพ่อโคขาวลำพูน ชื่อ “ดอยอินทนนท์” ของ ช่างรุ่ง จันตาบุญ ซึ่งได้รับรางวัลแกรนด์แชมป์ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาทำเป็นเซลล์ต้นแบบผลิตตัวอ่อนโคลนนิ่งเช่นเดียวกับขาวมงคล แต่มีการปรับปรุงกระบวนการโคลนนิ่ง เพื่อช่วยให้การรีโปรแกรมเซลล์ใบหูดีขึ้นโดยใช้สารเคมีชื่อริเวอร์ซีน (Riversine) เลี้ยงตัวอ่อนระยะแรกเป็นเวลานาน 6 ชั่วโมง แล้วเลี้ยงตัวอ่อนในหลอดทดลองอีก 7 วัน นำไปย้ายฝากให้โคนมตัวรับ 4 ตัว มีการตั้งท้อง 3 ตัว แต่แท้งไป 2 ตัว เหลือเพียงตัวเดียวครบกำหนดคลอดและได้ผ่าคลอด คิดเป็นความสำเร็จได้ลูกเกิด 25% จากเดิมที่มีความสำเร็จได้ลูกเกิดเพียง 11%
"ผมคิดว่าปัจจุบันเหลือโคขาวลำพูนพันธุ์แท้ไม่เกิน 5,000 ตัว ในจำนวนนี้มีลักษณะถูกต้องตามตำราว่าด้วยโคขาวลำพูนไม่ถึงพันตัว น่าเป็นห่วงว่าในอนาคตจะเหลือโคขาวลำพูนที่มีพันธุ์ดีไม่มาก ดังนั้นการพัฒนากระบวนการโคลนนิ่งโคจะช่วยทำให้การผลิตโคโคลนนิ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การผลิตโคขาวลำพูนลักษณะและพันธุ์ดีได้มากขึ้น"
"ขณะนี้ทีมศูนย์วิจัย กำลังปรับปรุงการรีโปรแกรมเซลล์ใบหูกระทิง เพื่อผลิตกระทิงโคลนนิ่งให้เกิดมาแล้วมีชีวิตรอด จากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัย ฯ ได้ผลิตกระทิงโคลนนิ่งเพศผู้เกิดมาเป็นรายที่ 2 ของโลก แต่มีชีวิตหลังคลอดเพียง 12 ชั่วโมง ดังนั้นหากการปรับปรุงขบวนการโคลนนิ่งกระทิงสำเร็จ จะเป็นการอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนกระทิงให้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันกระทิงถูกล่ามากขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะลดจำนวนลงทุกวัน ซึ่งโครงการโคลนนิ่งกระทิงนี้ได้ร่วมมือกับสวนสัตว์เปิดเขาเขียวในการเก็บเซลล์ผิวหนังกระทิงเพื่อนำมาเป็นเซลล์ต้นแบบ และกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยได้รับทุนสนับสนุนจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี"



