
'บัณฑิตเพนกวิน'หักกิ่งไม้-ใช้เท้าวาดรูป
บัณฑิตเพนกวิน "เอกชัย วรรณแก้ว" หักกิ่งไม้ ใช้เท้าวาดรูป
ถ้าใครไปงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) รัตนโกสินทร์ ประจำปี 2553 ครั้งที่ 25 ที่ มทร.ธัญบุรี คลอง 6 วันที่ 25 เมษายนนี้ จะเห็น “เอก" เอกชัย วรรณแก้ว หนุ่มผู้พิการไร้แขน วัย 30 ปี บัณฑิตคณะจิตรกรรม วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีเพียงเท้าสั้นๆ ช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้นเดินทักทายเพื่อนๆ ด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ เป็นแน่แท้...
“เอกชัย" เดินทางจาก จ.นครสวรรค์ เข้าเรียนในกรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 18 ปี มุ่งหน้าสู่รั้วแดงดำ "เพาะช่าง" ตามหาความฝันที่อยากเรียนศิลปะ มุ่งมานะ อดทน ต่อความยากลำบาก และดูแลตัวเองตามลำพังมาโดยตลอด พร้อมกับหารายได้เสริมจ่ายค่าเทอมตลอดชีวิตของการเป็นนักศึกษา จนประสบความสำเร็จคว้าปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรม จากวิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 25 เมษายน 2555 นี้
แม้ว่าจะเกิดมาในครอบครัวของชาวนาที่ยากจน พ่อแม่ไม่เคยคิดว่าลูกเป็นเด็กพิการ สอนให้ซักผ้า หุงข้าว แปรงฟัน ใช้หัวไหล่และเท้าเคลื่อนไหว พยุงตัวเดินลุกขึ้นเดิน แต่กว่าจะเข้าโรงเรียนได้ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าช่วยเหลือตัวเอง ตั้งแต่กินข้าว ใส่เสื้อผ้า หรือแม้แต่เขียนหนังสือ ทำทุกอย่างได้เหมือนคนปกติ จึงได้เรียนหนังสือจนจบประถม ที่โรงเรียนวัดทับกฤชกลาง และ ม.3 ที่โรงเรียนทับกฤชพัฒนา อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์
ด้วยความที่ชอบศิลปะ เพราะทำตามจินตนาการ ไม่จำเป็นต้องมีหลักการและเหตุผล ยามว่างและยามเหงาเขาจะหักกิ่งไม้และใช้เท้าวาดรูป ตามที่มองเห็น หมา แมว หรือรูปคน ในที่สุดก็อยากรู้ว่า พู่กัน สีน้ำ กระดาษวาดรูปเป็นยังไง จึงเลือกเรียนต่อในระดับ ปวส.ในคณะจิตรกรรม ที่วิทยาลัยอาชีวนครสวรรค์ ซึ่งต้องเดินทางไปกลับกว่า 40 กิโลเมตร และใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนรับจ้างวาดรูป หารายได้ส่งตัวเองเรียน
หลังจากเรียนจบอนุปริญญา อาจารย์สอนวาดรูปอยากให้ไปเรียนต่อที่เพาะช่าง อยากให้เอาฝีมือไปสู้กับคนอื่น ทำให้ทุกคนอึ้งกับผลงานของเอก และอึ้งกับสภาพร่างกายที่สร้างผลงานให้คนอื่นประทับใจได้ ตอนแรกพ่อแม่ไม่ยอม เพราะไม่มีญาติอยู่กรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมากขึ้นกว่าหลายเท่าตัว พี่ชายจึงทำงาน ขายวัว ขายควายส่งน้องเรียน
เอก ติวเข้มก่อนสอบนานกว่า 1 เดือน แต่พอคะแนนสอบโดยรวมปรากฏว่า สอบไม่ผ่าน จนกระทั่งวันหนึ่งมีนักศึกษาคนหนึ่งเขาสละสิทธิ์ อาจารย์เลยยื่นเรื่องให้เป็นกรณีพิเศษ เลยได้เข้าเรียนที่เพาะช่าง พ่อแม่ให้เงินก้อนแรก 3,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน แรกๆ อาศัยอยู่กับรุ่นพี่ เหมารถตุ๊กตุ๊กไปเรียนวันละ 70 บาท ขนเฟรม อุปกรณ์ เพราะไม่กล้าแบกขึ้นรถเมล์เกะกะผู้โดยสารคนอื่น เคยกินมาม่า 1 ห่อ หักครึ่ง 2 ส่วน แบ่งกินเช้า เย็น สุดท้ายเลยปรึกษาอาจารย์ ทำเรื่องขอฝ่ายอาคารสถานที่ให้อยู่ห้องพักภารโรงที่ปลดเกษียณ และรับจ้างวาดภาพร่วมกับรุ่นพี่ที่ใต้สะพานพุทธหลังเลิกเรียน หรือวันหยุด ตั้งแต่ 6 โมงเย็น-ตี 1 ได้วันละ 150-300 บาท กลับมาทำงานถึงตี 3 ตื่น 5 ตีห้า อยู่ 3 ปี
"เพนกวิน" เป็นฉายาที่รุ่นพี่ตั้งให้เรียกกันติดปากทั้งเพาะช่าง ด้วยรูปร่างลักษณะท่าทางการเดินที่ดูๆ ไปก็คล้ายนกเพนกวิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้แปลกแยกและแตกต่างจากเพื่อนๆ ไม่ได้รู้สึกเป็นปมด้อย ตรงข้ามกลับรู้สึกว่าน่ารักดี ชีวิตนักศึกษาเพาะช่างตลอด 4 ปีครึ่ง เติมเต็มทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ได้วาดรูป ปัดพู่กันแล้ว อาจารย์และเพื่อนๆ เติมเต็มความรัก ความผูกพัน มากมาย
เอก เคยออกรายการโทรทัศน์ งานโชว์ตัวและรับงานวาดภาพ วิทยากร ได้ค่าตัววันละ 6,000 บาท เคยทำรายได้สูงสุดเดือนละ 5 หมื่นบาท ใช้เวลาปีกว่าๆ เก็บเงินได้ 2 แสนบาท ปลดหนี้ ธ.ก.ส.ให้พ่อแม่ ปลูกบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัว อนาคตเขาอยากเปิด โรงเรียนสอนศิลปะให้เด็กๆ ด้อยโอกาสในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่ห่างไกล ให้ได้ เพราะเขาเชื่อว่า แม้จะไร้แขน ไร้ขา ทว่าทำได้ทุกอย่าง



