ไลฟ์สไตล์

ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน:กลิ่นปาก

ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน:กลิ่นปาก

20 เม.ย. 2555

คอลัมน์ ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน : กลิ่นปาก : โดย...หมอไพร

                    เรียน คุณหมอ ผมอายุ 47 ปี ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก มีโรคประจำตัวคือโรคกรดไหลย้อน ไปรักษาเรื่องดังกล่าวแล้ว และยังคงทานยามาต่อเนื่อง เพราะถ้าหยุดก็จะมีอาการแสบท้องขึ้นมาอีก ได้ไปตรวจสุขภาพฟันอย่างต่อเนื่อง ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องกลิ่นปากอยู่ ไม่ทราบคุณหมอพอจะรักษาหรือแนะนำได้หรือไม่ครับ

ขอแสดงความนับถือ "สันต์"

ตอบคุณสันต์

                    ปัญหากลิ่นปาก มักจะเริ่มต้นด้วยสุขภาพของช่องปาก บางครั้งเราตรวจสุขภาพปากอาจไม่พบว่ามีฟันผุหรือมีความผิดปกติใดใด ลองนึกทบทวนดูว่า คุณขูดหินปูนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ บางครั้งพอขูดหินปูนแล้วกลิ่นปากหายไปก็มี

                    ส่วนคำอธิบายปัญหากลิ่นปากในแผนจีนนั้น จะไม่หยุดอยู่แค่ช่องปากเท่านั้น หากยังเกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในและระบบย่อยทั้งระบบด้วย เช่น

                    1.กระเพาะร้อน จากการชอบกินอาหารรสจัด กินเนื้อสัตว์มาก กินผักผลไม้น้อย ดื่มน้ำน้อย ออกกำลังกายน้อย กระเพาะร้อนจนมีอาการ ปากเหม็น มีแผลในปาก มีฝีที่จมูก หน้ามัน ผมมัน แก้มแดง (สำหรับสุภาพสตรีดูยากเพราะส่วนมากจะแต่งหน้าทับแล้วจึงดูยาก) ตาแดง กระหายและชอบดื่มน้ำเย็น กรณีเช่นนี้อาจมีปวดฟันหรือเหงือกบวมอักเสบร่วมด้วย บางคนมีอาการถ่ายแข็ง ท้องผูก หงุดหงิด เจ็บคอ ลิ้นแดง

                    2.ปอดและกระเพาะร้อนลามขึ้นบน นอกจากมีกลิ่นปากแล้ว ยังมีปวดฟัน เลือดกำเดาไหล ปากเป็นแผล กระเพาะร้อนบวกไฟหัวใจสูง จะมีปลายลิ้นแดง หงุดหงิด นอนไม่หลับร่วมด้วย

                    3.อาหารไม่ย่อยตกค้างในกระเพาะลำไส้ นอกจากมีกลิ่นปาก ยังมีอาการ เรอเปรี้ยว มีกลิ่นอาหารไม่ย่อย แน่นท้อง ถ่ายแข็งร่วมด้วย

                    4.กระเพาะม้ามเย็น ก็มีกลิ่นปากเช่นกัน แต่กลิ่นจะไม่รุนแรงไม่น่าเข้าใกล้เหมือนกระเพาะร้อน อาจไปทางมีกลิ่นคาว ฝ้าลิ้นขาว ถ่ายเหลวร่วมด้วย

                    เมื่อสาเหตุมีมากมายเช่นนี้ แผนจีนรักษากลิ่นปากแรงจึงต้องจำแนกให้ชัดแจ้ง จึงจะได้ผล ผู้ป่วยท่านนี้ได้ไปพบที่คลีนิกหลังเมล์มาถามในวันรุ่งขึ้น จากการซักประวัติพบว่า เขาเป็นคนกินมากจนล้นเกิน เป็นคนเสียดายของ อาหารที่คนอื่นกินไม่หมด เขาจะกินให้หมดด้วยความเสียดาย ถือคติที่ว่า ท้องแตกไม่ว่าอย่าให้ของเหลือ บางครั้งกินจนรู้สึกว่าท้องอืดแน่น อึดอัด เดิมทีเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร หลังจากกินเช่นนี้มา 2-3 เดือน อาการดังกล่าวข้างต้นเริ่มทยอยกันมา จนทำให้ส่งผลกระทบกับร่างกายตัวเอง จนขาดความมั่นใจ อาการกระเพาะร้อนของเขา มาจาการกินอาหารที่ล้นเกิน จึงต้องแก้ด้วยการให้ยาช่วยย่อย ฝังเข็มในจุดที่เพิ่มให้กระเพาะและม้ามทำงานดีขึ้น ผ่านการฝังเข็มไป 1 ครั้ง ห่างการกินยาไป 3 วัน มาพบอีกครั้ง อาการแน่นท้องน้อยลง นอนหลับดีขึ้น กลิ่นปากเบาลง แต่ริมฝีปากแห้งมาก เปลี่ยนมาให้กินยาบำรุงม้าม กลับทำให้อาการเดิมกลับมา ต้องให้ยาช่วยย่อยอีกเช่นเคย อาการจึงค่อยๆ ดีขึ้น

                    พร้อมกันนั้นต้องแนะนำให้กินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น มะระ ผักกาดขาว ไชเท้า ไม่กินอาหารฤทธิ์ร้อน ไม่กินจุ ไม่เสียดายของกินจนพุงกางอีก

--------------------------

(หมายเหตุ : คอลัมน์ ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน : กลิ่นปาก : โดย...หมอไพร)