
ภารกิจสุดหินของ'ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช'
'กระทรวงศึกษาธิการไทย'ใสสะอาด ภารกิจสุดหินของ'ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช' โดย...สุพินดา ณ มหาไชย
ระหว่างร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารยูเนสโก ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดใจกลางโต๊ะอาหารมื้อค่ำ ว่า โปรเจกท์ ต่อไปของเขา คือ "กระทรวงศึกษาธิการไทยใสสะอาด"ก่อนหน้านี้ เขย่าวงการศึกษามาแล้วด้วยนโยบายจัดระเบียบเงินบริจาค พ่วงด้วยยกเครื่องปรับปรุงระบบสอบคัดเลือกเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและระบบสอบบรรจุข้าราชการครู
ที่มาของโปรเจกท์นี้ สุชาติ บอกว่า ต้องการให้ศธ.กลับคืนไปสู่ความรุ่งเรืองเหมือนในอดีต อย่างเช่น สมัยม.ล.ปิ่น มาลากุล เป็น รมว.ศธ.นั้น ศธ.ได้รับการนับหน้าถือตา เคารพนับถือจากคนในสังคมอย่างมาก แต่มาถึงวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดในศธ.มากมายโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ระเบียบ กฎเกณฑ์ จนเปิดช่องให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ
"ที่เด่นชัด ก็คือ การเรียกรับเงินจากการโยกย้าย แต่งตั้งครูและผู้บริหาร การประเมินเลื่อนวิทยฐานะ มีการเรียกร้องเงินทองกันมากมาย ในเว็บไซต์ของผมเอง ก็มีคนเข้ามาร้องเรียนเรื่องนี้ทุกวัน วันละเป็น 10 ราย บางคนกล้าลงชื่อจริงด้วย มีการให้ข้อมูลว่า ถ้าจะเป็นรอง ผอ.จ่ายราคา 5 แสนบาท ผอ.ราคา 1 ล้านบาท แต่ถ้าจะขอย้ายกลับบ้านเดิมเพื่อไปอยู่กับครอบครัวตัวเองแท้ๆ ต้องจ่าย 2 แสนบาท ไม่จ่ายก็ไม่ได้ย้าย อย่างนี้ผมถือว่า เป็นการรีดเลือดกับปู"
สุชาติ ตั้งคำถามด้วยว่า องค์กรที่เป็นต้นเหตุของการรีดเลือดกับปูนั้น คือ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) แต่ทำไมโครงสร้างจึงให้องค์กรนี้เป็นองค์กรที่มีแต่อำนาจแต่ไม่มีความรับผิดรับชอบ "ผมไม่เข้าใจว่าองค์กรนี้ (อ.ก.ค.ศ.) ทำไมถึงเป็นองค์กรที่มีแต่ Power without Autrority ไม่ให้มีระเบียบตรงไหนให้เอาโทษ หรือให้คนในองค์กรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ"
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องรีดเลือดกับปูนั้น สุชาติ บอกว่า ได้จัดการแก้ไขปัญหาไปแล้ว เหลือแต่ การจัดซื้อจัดจ้าง หรือที่เจ้าตัว เรียกว่า ซื้อข้าวซื้อของ นั้น ได้พยายามแก้ไขแต่ทำได้ยากมาก
"ได้ข่าวว่า มีผู้รับเหมาบีบบังคับข้าราชการให้รีบซื้อของ ไม่รู้ไปทอนเงินกันที่ไหน ผู้รับเหมาเหล่านี้มักอ้างผู้ใหญ่สั่งมา ทำให้ข้าราชการประจำชั้นสูงทำตัวลำบาก แต่ผมขอบอกไว้เลยว่า อย่าไปรับรู้อะไรทั้งนั้น ให้ทำให้ถูกระเบียบเท่านั้น จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังเพราะถูกกล่าวหาว่า มีคนเอาเงินทอนมาให้ ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะอ้างว่าเป็นใคร ถึงเขาเป็นน้องคนโน่น เป็นญาติคนคนนี้ เขาก็สามารถมาประมูลได้ตามปกติ ไม่ถือว่าผิด แต่การประมูลต้องเปิดเผยโปร่งใส ไม่มีการวิ่งเต้น เพราะผมต้องการให้ของเหลืออยู่กับนักเรียนให้มากที่สุด"สุชาติ กล่าวและว่า มีความคิดที่จะให้คนนอกที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคมมาร่วมเป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้างด้วย พร้อมให้เปิดเผยราคากลาง เพื่อให้การซื้อข้าวซื้อของโปร่งใสขึ้น
สุชาติ ยังบอกด้วยว่า เตรียมตรวจสอบการบริหารจัดการกองทุนต่างๆ ที่ใช้เงินงบประมาณจากกระทรวงด้วย กองทุนเหล่านี้มีอยู่หลายกองทุน ไม่รู้ว่ามีการใช้เงินกองทุนอย่างไร แต่เป้าหมายของตนต้องการให้การบริหารจัดการทุกกองทุนมีความโปร่งใส
"แต่เรื่องสร้างความโปร่งใสน่ะ พูดไปเรื่อยๆ มันไม่เวิร์ก จะให้ข้างล่างโปร่งใสได้ ผู้นำต้องโปร่งใสก่อน มี ทฤษฎี 4 ข้อสำหรับสร้างความโปร่งใส คือ 1.ผู้นำต้องไม่โกง 2.ทำอะไรโปร่งใส 3.ซื้อของ บรรจุคนต้องโปร่งใส 4.สามารถตรวจสอบได้" สุชาติ บอก และว่า ข้อแรกมีความสำคัญเพราะถ้าผู้นำไม่โปร่งใสแล้ว ก็จะไม่มีหน้าไปสั่งใครให้ทำหน้าที่อย่างสุจริตได้
"ถ้าคุณไปปรับเงินจากใครมาแล้วล่ะก็ ทุกอย่างจบ วันรุ่งขึ้นคุณก็จะเป็นวัวสันหลังหวะทันที เขาโทรมาสั่งอะไรก็ต้องทำตาม แค่เห็นเบอร์ก็ต้องรีบรับเพราะว่ากลัว ทีนี้พอคนอื่นเขารู้ ก็จะเอาไปนินทาว่ากล่าว อย่างอดีตนายกรัฐมนตรีบางคน พอลงจากตำแหน่งไปแล้ว ความจริงเปิดเผยว่า ตอนอยู่ในตำแหน่งโกงกิน คนก็หมดความนับถือ แต่ผมไม่ทำอย่างนั้น เพราะผมอยากเป็นคนที่ตายไปแล้วคนก็ยังนับถือ"
สุชาติ บอกด้วยว่า เพราะต้องการให้กระทรวงมีความโปร่งใสจริงๆ เขาจึงค่อนข้างจำกัดขนาดทีมงาน เพราะไม่ต้องการให้ใครอ้างชื่อตัวเองเรียกรับผลประโยชน์ สมัยนี้ชอบอ้างชื่อกันเยอะ บางทีก็ไปอ้างกับข้าราชการว่า รัฐมนตรีสั่งอย่างนั้นอย่างโน้น หรืออย่างตนก็ยังโดนบางคนมาอ้างชื่อผู้ใหญ่ขอให้แต่งตั้งหรือย้ายข้าราชการบางตำแหน่ง แต่พอสอบถามคนที่ถูกอ้างชื่อ ก็ไม่รู้เรื่อง บางทีกลับเป็นตรงกันข้ามด้วยซ้ำ
นอกจากนั้น สุชาติ ยอมรับว่า เขาเป็นคนที่ให้คนเข้าพบได้ยาก ไม่ค่อยอยากให้ใครเข้าพบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะคนที่มาพบส่วนใหญ่มาขอเรื่องโน้นเรื่องนี้ อีกอย่างก็มาฟ้องคนอื่น "มาฟ้องคนโน้นคนนี้ ผมไม่ฟังหรอกเวลาใครมาฟ้องใคร ผมถามหน่อย คุณคิดว่า ผมอยู่มาจนขณะนี้ ผมดูคนไม่ออกเลยเหรอ ผมดูออกหมดว่า ใครเป็นคนดี คนเลว แค่เห็นหน้าก็รู้แล้ว คนที่ชอบมาฟ้องคนอื่นนะ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครดีหรอก มาถึงก็พูดแต่เรื่องแย่ๆ จะเป็นคนดีได้อย่างไร คนดีต้องมาถึงแล้วพูดเรื่องดีๆ พูดกันว่า จะพัฒนาประเทศอย่างไร ไม่ใช่มาแต่ฟ้องคนอื่น"
"บางทีก็มีคนในพรรค พา ซี 7 ซี 8 มาแนะนำให้เป็นทีมงาน บอกว่า นี่เป็นคนของพวกเราเอง ไว้ใจได้ จะให้มาคอยตรวจสอบการทำงานของระดับปลัด ระดับเลขาธิการ คนพวกนี้เขาคิดแบบการเมือง มองคนอื่นเป็นพวกที่ไม่น่าไว้วางใจ ต้องมีการคอยตรวจสอบ แต่ทีนี้ คนเป็นซี 7 ซี 8 ก็ยิ่งฟ้องคนอื่นแหลกเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้า เป็นอย่างนี้แล้วจะทำงานได้ยังไง ผมรำคาญเลยไล่กลับไปให้หมด"สุชาติ กล่าวและว่า เขาไม่สนใจว่า แต่ละคนจะเป็นใคร มีอดีตอย่างไร ถ้านาทีนี้เขาตั้งใจทำงานได้ดี ก็จะปล่อยให้เขาทำงาน แต่ถ้าทำงานไม่ได้ย้ายทันที "ผมไม่แยกว่า นี่คนของเขา นี่คนของเรา ผมแยกแต่คนดี คนไม่ดี บางคนของเราก็มีคนไม่ดีถมไป และถ้าเป็นคนไม่ดีเนี่ย ผมไม่คบเลยนะครับ"
และสุดท้าย สำหรับเรื่องที่ท้าทายความโปร่งใสของ รมว.ศธ.มาโดยตลอด ซึ่งก็คือเรื่องฝากเด็ก โดยเฉพาะบัญชีเด็กฝากยาวเป็นหางว่าวที่มาจากพรรคการเมืองนั้น สุชาติ บอกว่า เขาบอกชัดเจนว่า ไม่มีการฝากเด็กในกรณีใดทั้งสิ้น ไม่รับทั้งฝากเด็ก ฝากตำแหน่ง และถ้าในพรรคไม่พอใจ กดดันมา ก็จะใช้วิธีวางอุเบกขา "ผมก็แค่วางอุเบกขา ทำอะไรผมไม่ได้หรอก เพราะผมเป็นส.ส.ได้ด้วยตัวเองผมเอง ไม่ได้เป็นเพราะเขา เขาซะอีกยังต้องอาศัยฐานเสียงคนเสื้อแดงที่มีเป็นล้านคนของผม"
สุชาติ ทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดที่ทำนี้ก็เพื่อให้กระทรวงกลับมาได้รับความเคารพนับถือของคนในสังคมเหมือนเดิม ครู อาจารย์ก็จะได้มีกำลังใจสอน ไม่ต้องคอยวิ่งเต้น จ่ายเงิน ทำแต่หน้าที่สอนไปให้ดีที่สุด
"ผมยึดตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า สังคมมีคนดีและคนไม่ดี ต้องสร้างกรอบต่างๆ คุมคนไม่ดีให้ไม่มีอำนาจ เมื่อเราดูแลชาติบ้านเมืองอย่างดี ในที่สุด ลูกหลานเราก็จะเก่ง ฉลาดขึ้น เพราะครูมีกำลังใจสอน ในอนาคต เราก็จะมีประชาชนที่ตั้งมั่นในคุณธรรม ความดี มาดูแลประเทศต่อไป" สุชาติ ทิ้งท้าย
.................................
('กระทรวงศึกษาธิการไทย'ใสสะอาด ภารกิจสุดหินของ'ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช' โดย...สุพินดา ณ มหาไชย )