
โลกใบนี้ดนตรีไทย - พระพิฆเนศเสียงา
เมื่อวันที่ 5-10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานแสดงศิลปะที่มีชื่อว่า "บางกอก บานานา" ซึ่งจะเป็นการแสดงศิลปะทุกแขนง รวมถึงดนตรีร่วมสมัย โดยงานนี้จัดขึ้นที่ ลานด้านหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์และสยามพารากอน
โดยตัวผมเองก็นำวงของผมไปร่วมแสดงในงานนี้ เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา และมีศิลปินระดับยอดฝีมือมาร่วมแสดงอย่างมากหน้าหลายตา เช่น วงฟองน้ำ วงกอไผ่ วงเทวัญโนเวลแจ๊ส และอื่นๆ อีกมากมาย
งานสำเร็จไปได้ด้วยดี ก็ต้องขอขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรม ที่เป็นแม่งานใหญ่สำหรับงานนี้ ที่จัดให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ได้ชมกันอย่างฟรีๆ ไม่เสียสตางค์และหวังว่าในปีต่อไปคงจะจัดงานแบบนี้ให้พี่น้องชาวไทยได้ชมกันอีก และก็ต้องบอกว่างานแบบนี้นั่นแหละ มันแสดงถึงความสุขของชาวไทยเรา และทำให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ว่าบ้านเมืองของเรามันมิได้มีอะไรวุ่นวายไปเสียทั้งหมด
หลังจากงานนี้ ในวันที่ 15-19 พฤษภาคม ที่จะถึง ก็จะมีการจัดงานในลักษณะคล้ายๆ กันแบบนี้อีก แต่คราวนี้จะไปจัดที่ จ.ระยอง ซึ่งก็ไม่ใกล้และไม่ไกลจากกรุงเทพฯมหานครสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเห็นรายชื่อของศิลปินแล้วก็ต้องบอกว่างานนี้คุ้มค่ากับการเดินทาง ซึ่งงานนี้ จ.ระยอง ร่วมกับ อบจ.ระยอง เป็นผู้จัดขึ้น และสร้างสรรค์งานโดย Le musiq ภายใต้ชื่องานว่า “เทศกาลสีสันระยอง” โดยทุกๆ วันจะมีศิลปินมาให้ความสุขแก่ผู้ชมในงานนี้อย่างมากมาย เช่นในวันที่ 15 ซึ่งเป็นวันแรก ก็จะมีขุนอินหรือตัวผมเองนั่นแหละ กับสุนารี ราชสีมา วันที่ 16 ก็จะเป็นลานนา คัมมินล์ กับวงเดอะซิก วันที่ 17 ก็จะเป็นทอดด์ ทองดี กับวงไคโจบราเธอร์ วันที่ 18 เป็นการแสดงพื้นเมืองที่ชื่อว่า “ชอง” และ พี สะเดิด ส่วนวันสุดท้าย ก็จะเป็นการประกวด ธิดาชาวสวน สลับกับการแสดงของหลวงไก่ และทุกๆ วันก็จะมีศิลปินพิเศษ เช่น เสนาลิง เท่ง เถิดเทิง ที่จะมาสร้างความสุขให้แก่ท่านผู้ชม รวมถึงอาหารและผลไม้พื้นเมืองระยอง มาจำหน่ายในราคาพิเศษ
รายการดีๆ และชมฟรีหลายวันแบบนี้ ไม่ควรจะพลาดเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแฟนคอลัมน์ของผมในแถบภาคตะวันออก ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ พบกับผมและวงดนตรีร่วมสมัยของผมได้แบบเต็มวงที่ ตลาดตะพง อ.เมือง จ.ระยอง หรืออยากจะมาสนทนาเรื่องพระพิฆเนศกับผมก็ยังได้นะครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้ก็จะกลับมาเข้าเรื่องพระพิฆเนศที่เขียนต่อเนื่องมาหลายฉบับ และคิดว่าฉบับนี้คงจะเป็นฉบับสุดท้าย เพราะว่ามีคำถามอื่นๆ ทยอยกันเข้ามาพอสมควรแล้วล่ะครับ และฉบับนี้ก็จะเป็นการตอบคำถามในเรื่องการเสียงาของพระพิฆเนศ ว่าที่จริงควรจะเป็นข้างไหน
การเสียงาของพระพิฆเนศโดยส่วนใหญ่ ที่พบเห็นกันบ่อยๆ นั้น ก็จะเป็นข้างขวา ซึ่งน้อยครั้งจริงๆ ที่จะเห็นพระพิฆเนศเสียงาข้างซ้าย แต่ถ้าถามว่าที่ถูกแล้ว ควรจะเป็นข้างไหนกันแน่ ก็ต้องบอกตามตรงว่า ไม่มีใครที่จะสามารถฟันธงได้เลยว่า พระพิฆเนศเสียงาข้างซ้ายหรือขวา
ส่วนเหตุผลที่เป็นแบบนี้ ผมคิดว่าความเป็นเทพของพระพิฆเนศนั้น มีคนนับถือมากมายหลายประเทศ จึงทำให้เกิดเป็นลัทธิที่ต่างกันออกไป เราสังเกตได้ว่า การกำเนิดของพระพิฆเนศก็จะแตกต่างกันไปของแต่ละลัทธิ ซึ่งบางลัทธิก็บอกว่าเป็นบุตรของพระศิวะกับพระนางปราวดีแต่บางที่ก็เป็นพระแม่อุมาเทวี บางแห่งบอกว่า พระพิฆเนศโดนพระศิวะใช้หลาวสามง่ามตัดศีรษะแล้วให้เทวดาไปหาสิ่งมีชีวิตที่ตายและพบเป็นสิ่งแรกมาต่อให้แก่พระพิฆเนศ บางแห่งบอกว่าโดนขวานของพระวิศณุซึ่งยืมมาจากพระศิวะ บางแห่งบอกว่า โดนขวานของพระศิวะตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก จึงทำให้พระพิฆเนศถอดงาเก็บได้ และในครั้งหนึ่ง ยังเคยถอดงามาขว้างปราบเหล่าอสูร
ซึ่งเหล่านี้จะสังเกตได้ว่า มีความแตกต่างในเรื่องการกำเนิดของพระพิฆเนศ ดังนั้น การเสียงาของพระพิฆเนศจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนการบูชาพระพิฆเนศ ส่วนใหญ่จะทำการบูชาทุกวันพฤหัสบดี โดยจะถวายผลไม้ต่างๆ เป็นเครื่องสังเวย เช่นกล้วย (ห้ามใช้เนื้อสัตว์) น้ำนม น้ำผลไม้ มาลัย ดอกไม้ ส่วนธูปที่ใช้จุดบูชาถ้าเป็นตำราของดนตรีไทยจะใช้ธูป 5 ดอก ส่วนคาถาบูชา ถ้าใครอยากได้ ก็เข้ามาที่
[email protected] เพราะผมไม่กล้าที่จะเขียนลงตรงนี้ เพราะกลัวว่าหนังสือพิมพ์ที่ท่านอ่าน อาจจะไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมก็เป็นไปได้
ส่วนเรื่องสุดท้าย ก็คือพาหนะของพระพิฆเนศที่เราทราบกันก็คือ หนู มีชื่อว่า “มุสิกะ” และขอให้สังเกตดีๆ ว่า เมื่อท่านบูชาพระพิฆเนศแล้ว ที่บ้านของท่านจะมีหนู และค่อยๆ มากขึ้นทุกวัน ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเท่ากับว่าการบูชาของท่าน เป็นผลสัมฤทธิ์แล้ว แต่ถ้าเริ่มมากขึ้นจนทนไม่ไหว และจะหาวิธีกำจัดหนูในบ้าน ผมเองก็ไม่อาจจะบอกได้เหมือนกัน เพราะตอนนี้ที่บ้านผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกันครับ
"ขุนอิน"