มรช.รับป.ตรีไม่สอบเข้า เรียนได้-มีคุณภาพจบแน่ | คมชัดลึก

                       "ผมถือว่านักศึกษาทุกคนที่เข้ามาเรียนที่นี่ต้องได้เรียน ทุกคนมีความรู้ความสามารถเรียนได้ทั้งนั้น มหาวิทยาลัยต้องให้โอกาสพวกเขาได้เรียนรู้ ค้นหาตนเอง ตามศักยภาพที่มีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางคนอยากจะเรียนสาขาหนึ่ง เรียนไปเรียนมาอาจจะจบอีกสาขาหนึ่งก็ได้ เพราะฉะนั้นสถาบันการศึกษาและครูบาอาจารย์ต้องเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้ ช่วยพัฒนาศักยภาพลูกศิษย์ทุกคนอย่างเต็มที่ ช่วยให้เขาได้รู้จักตนเอง ค้นหาตนเอง เรียนจบปริญญาตามศักยภาพที่มี และสำเร็จการศึกษาต้องไปต้องทำงานเป็นเลี้ยงตัวเองได้" ผศ.ดร.มาณพ ภาษิตวิไลธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) กล่าว

                       ดังนั้นตั้งแต่ปี 2547 มหาวิทยาลัยแห่งนี้จึงมีนโยบายไม่ต้องสอบเข้าเรียน นักศึกษาทุกคนมาสมัครเรียนในสาขาที่ตนเองต้องการได้ โดยมหาวิทยาลัยจะใช้วิธีสัมภาษณ์ซักถามความเหตุผลที่อยากเรียน พร้อมๆ กับดูผลการเรียนประกอบไปด้วย หากเห็นว่ามีศักยภาพพอเรียนได้ก็จะเปิดโอกาสให้เรียนตามที่สมัครไว้ แต่จะให้คำแนะนำสำหรับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยมองว่าน่าจะปรับเปลี่ยนสาขาเพื่อให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถและศักยภาพ ซึ่งจะมีนักศึกษาที่เปลี่ยนสาขาตามความเหมาะสมประมาณเทอมละ 20% จากจำนวนนักศึกษาปี 1 ที่รับได้ปีละ 4,000 คน

                       "ต้องยอมรับว่า นักศึกษาที่มาสมัครเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏไม่ใช่คนที่เรียนได้อันดับต้นๆ ของห้องเรียน แต่มหาวิทยาลัยมีหน้าที่ผลิตบัณฑิตออกไปรับใช้ชุมชนและให้เป็นคนที่สมบูรณ์ จึงต้องพยายามให้พวกเขามีวิชาความรู้ติดตัว ทั้งทักษะวิชาการ ทักษะชีวิตให้มากที่สุด หากเห็นว่าสมัครเรียนในสาขาที่ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงก็จะแนะนำให้เปลี่ยนตั้งแต่ที่ยังไม่เริ่มเรียน แต่ถ้านักศึกษายืนยันจะเรียนมหาวิทยาลัยก็จะไม่ปิดกั้น หากเรียนไม่ไหวก็จะให้เปลี่ยนสาขา และให้โอกาสจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา ยกเว้นว่ามีบางรายที่ไม่ไหวจริงๆ ก็จะต้องออกไปโดยที่เรียนไม่จบก็มี แต่มีน้อยมาก เพราะมหาวิทยาลัยราชภัฏมีหน้าที่ผลิตคนไปรับใช้ชุมชนตามที่ท้องถิ่นนั้นๆ ต้องการให้ได้มากที่สุด ซึ่งบัณฑิตที่สำเร็จออกไปก็จะทำงานในชุมชน ท้องถิ่นที่พวกเขาเกิดมานั่นเอง" ผศ.ดร.มาณพ

                       ปัจจุบันมีนักศึกษาทั้งหมด 1.2 หมื่นคน อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยคงไม่กล้าการันตรีว่า "บัณฑิต" ที่สำเร็จการศึกษาออกไปจะมีทักษะความรู้ความสามารถเท่าเทียมกับมหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ แต่กล้าการันตรีว่า "บัณฑิต" ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจะมีความรู้ความสามารถ ทำงานได้ตามที่ท้องถิ่นนั้นๆ ที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่อย่างแน่นอน เพราะเป็นปรัชญาของมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งที่ต้องผลิตบัณฑิตออกไปรับใช้ชุมชนในท้องถิ่น

                       นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับ "ประชาคมอาเซียน" ในปี 2558 โดยประเทศไทยและกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนจะร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจด้านต่างๆ ให้เจริญไปพร้อมๆ กัน มรช.จึงเตรียมการที่จะผลิตบัณฑิตและพัฒนาบุคลากรเปิดสอนในสาขาด้านธุรกิจการบินไว้รองรับถึง 3 สาขาด้วยกัน ได้แก่ 1.หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจราจรทางอากาศ (Bachelor of Science Program in Air Traffic Control) 2.หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการท่าอากาศยาน (Bachelor of Science Program in Airport Management) และ 3.หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Bachelor of Science Program in Air Cargo Management)

                       ทั้งนี้อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ประชาคมอาเซียนมุ่งหวังจะรวมตัวธุรกิจการบินเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคภายในปี ค.ศ.2015 โดยแต่ละประเทศสมาชิกสามารถกำหนดการบินโดยไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อการใช้สนามบินของประเทศสมาชิก เป็นผลให้การเพิ่มรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและการบริหารด้วยระบบโลจิสติกส์จะมีบทบาทและความสำคัญยิ่ง

                       โดยเฉพาะความสำคัญของบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ และบริการจากท่าอากาศยานที่จะสามารถเชื่อมโยงไปสู่ความร่วมมือผนึกพลังสร้างเครือข่ายการผลิตระหว่างบริษัทระหว่างประเทศ (MNCs/ Production Networks of Multinational Corporations) ในกลุ่มประเทศสมาคม ผู้ที่เรียนทางด้านนี้จะมีตำแหน่งงานรองรับแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ดูข้อมูลต่างๆ ได้ที่ http://www.cru.in.th

......................................
(เปิดวิสัยทัศน์ : มรช.รับป.ตรีไม่สอบเข้า เรียนได้-มีคุณภาพจบแน่ โดย... หทัยรัตน์  ดีประเสริฐ )