ไลฟ์สไตล์

ผู้ตรวจการฯเผย'เรียนฟรี15ปี'ด้อยคุณภาพ

ผู้ตรวจการฯเผย'เรียนฟรี15ปี'ด้อยคุณภาพ

16 ก.พ. 2555

'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' เผยผลวิจัย 'เรียนฟรี 15 ปี' ระบุการศึกษาด้อยคุณภาพ เสนอแก้รธน.เรียนฟรี 12 ปี เป็น 9 ปี แนะ 'รมว.ศธ.' ต้องทบทวนระบบการศึกษาก่อนจะนำเด็กไปสู่ความล้มเหลว

                   16 ก.พ.55 นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมอภิปรายในผลการวิจัยเรื่อง “นโยบายเรียนดีเรียนฟรี 15 อย่างมีคุณภาพ” ที่ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มอบหมายให้นาวาตรีหญิง ดร.กิตติยา เอ็ฟฟานส นักวิชาการอิสระ เป็นผู้ดำเนินการวิจัย โดยระบุว่า การวิจัยใช้วิธีการผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ซึ่งพบว่านโยบายดังกล่าว “ไม่ฟรีจริง เรียนไม่ดี และด้อยคุณภาพ” โดยกระทรวงศึกษาได้ใช้ค่าใช้จ่ายต่อหัวของรร.ขนาดกลางมาจ่ายให้กับรร.ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งไม่ตรงกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ผู้ปกครองมีความเข้าใจว่าเรียนฟรี หมายถึงฟรีทุกรายการ ในขณะที่รัฐบาลนิยามการเรียนฟรีเพียง 5 รายการ คือชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือเรียนแปดกลุ่มสาระ อุปกรณ์การเรียน กิจกรรมการพัฒนาผู้เรียน และเงินค่าเล่าเรียน ผู้ปกครองต้องเสียค่าใช้จ่ายแฝงอื่นที่รร.เรียกเก็บเพิ่ม เช่นค่าแอร์ ค่าเรียนเสริมคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้งฝ่ายครูและผู้ปกครองเห็นว่านโยบายนี้ไม่ทำให้เด็กเรียนดีขึ้น และไม่ได้ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองจริงเพราะยังต้องจ่ายเพิ่มตามรายการที่รร.ขอรับการสนับสนุนอีก

                   นายศรีราชา กล่าวอีกว่า ส่วนผลการประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือสทศ.พบว่า คะแนนวิชาหลักของนักเรียนทั้งสามช่วงชั้นมีแนวโน้มลดลงอย่างเป็นระบบ อีกทั้งคะแนนของนักเรียนทั้ง 3 ช่วงชั้นและทุกวิชามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าครึ่ง และจากการประเมินรอบสองของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา หรือสมศ. ตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพผู้เรียนในภาพรวมมีแนวโน้มลดลง คะแนนจากโครงการประเมินผลนักเรียนระดับนานาชาติ (พีไอโอสเอ)พบว่า ช่วง 3 ปีก่อนประกาศนโยบายเรียนฟรี 15 ปี คะแนนของทั้ง 3 วิชามีแนวโน้มลดลง และเริ่มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในการทดสอบครั้งสุดท้าย ขณะที่ผลการจัดอันดับด้านการศึกษาจากสถาบันไอเอ็มดี พบว่าคุณภาพผู้เรียนไม่ดีขึ้น มีแนวโน้มลดต่ำลงหลังจากที่ใช้นโยบายนี้ มีเพียงผลการประเมินจากกระทรวงศึกษาธิการของไทยเท่านั้นที่ชี้ว่าผู้เรียนมีคุณภาพที่ดีขึ้น 7 ใน 8 กลุ่มสาระวิชา งบประมาณที่ช่วยเรื่องอุปกรณ์การเรียนเครื่องแบบและหนังสือเรียนไม่ได้ทำให้เรียนดีขึ้น

                   นายศรีราชา กล่าวต่อว่า จากผลการวิจัยดังกล่าวได้สะท้อนว่าหลังการปฏิรูปการศึกษา ที่มีการใช้ระบบทดสอบทางการศึกษาแล้วพบว่าการศึกษาไทยแย่ลงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการของกระทรวงศึกษาธิการที่มุ่งจัดการศึกษาเรียนฟรีให้กับคนที่ไม่ต้องการ ขณะเดียวกันก็ไม่ไปเติมเต็มให้กับคนที่ยากจนหรือต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเห็นว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาควรมีการปล่อยให้โรงเรียนจัดการศึกษาเป็นไปตามกลไกของตลาด โดยโรงเรียนใดมีความสามารถในการจัดการศึกษาก็ปล่อยให้ดำเนินการควบคู่ไปกับกระทรวงศึกษาจัดระบบการศึกษาของแต่ละโรงเรียนไม่ให้มีความใกล้เคียงกัน มีการปรับหลักสูตรการเรียนการสอบ โดยเน้นให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์มากกว่ามุ่งเน้นให้เด็กเรียนเพื่อจดจำและนำไปสอบ นอกจากนี้การนำนโยบายประชานิยมเข้าไปในระบบการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรแต่เป็นการหาเสียง

                   นายศรีราชา กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการควรจะทบทวนระบบการศึกษาทั้งระบบ ก่อนที่ระบบดังกล่าวจะนำเด็กไปสู่ความล้มเหลวในการเรียน และนำประเทศไปสู่วิกฤต และควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่บัญญัติว่ารัฐต้องจัดการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปีอย่างทั่วถึง มีคุณภาพและไม่เก็บค่าใช้จ่าย เพราะการปฏิบัติจริงในขณะนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญ โดยแก้ไขถ้อยคำเป็นรัฐต้องจัดให้มีการเรียนอย่างทั่วถึง ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่น้อยกว่า 9 ปี ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างว่าในกรณีที่มีความพร้อมเรื่องงบประมาณ หากมีจำนวนมากก็สามารถจัดได้เกินกว่า 9 ปีขึ้นไป

                   “ คิดว่าถึงเวลาที่สภาการศึกษา และรมว.ศึกษาธิการต้องทบทวนระบบการบริหารและหลักสูตร ที่ให้มีการเรียนมากและน้อยไปในบางเรื่อง ซึ่งทุกวันนี้การศึกษาไทยยังจมปลักอยู่กับการท่องจำไม่เว้นแต่การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยนักศึกษายังคุ้นกับการจดแล็กเชอร์ ดังนั้นตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องทบทวนปรับปรุงการศึกษาใหม่ก่อนที่จะสายเกินแก้ “ นายศรีราชา กล่าว

                   นายศรีราชา กล่าวว่า ตนได้พูดคุยส่วนตัวกับรมว.ศึกษาฯก็มีหลายเรื่องที่มีความเห็นตรงกัน เช่น การปรับปรุงหลักสูตร เรื่องการสอบที่จะเป็นมาตรฐาน เรื่องการใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเป็นตัวตัดสินในการเลื่อนขั้นเงินเดือนของครู นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยก็เป็นจุดอ่อนที่ทำให้การพัฒนาความต่อเนื่องของระบบการศึกษามีปัญหา โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวรมว.ศึกษา เพราะเมื่อเปลี่ยนรมว.ครั้งหนึ่งนโยบายทางการศึกษาก็จะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามจะมีการเสนอผลงานวิจัยดังกล่าวไปให้รมว.ศึกษาธิการและเผยแพร่ต่อสาธารณะชนต่อไป

                   ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันนายอำนวย สุนทรโชติ ประธานชมรมค่านิยมเพื่อสร้างชาติ ได้มายื่นหนังสือให้นายศรีราชา เพื่อตีความกรณีที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)มีนโยบายให้บริจาคเงินเพื่อแลกกับการเข้าเรียนในสถานศึกษา โดยนายศรีราชา กล่าวภายหลังว่า ตนคงต้องขอไปดูก่อนว่านโยบายดังกล่าวของศธ.จะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่