ตามอดีต'ภูพยัคฆ์'แห่งน่านเหนือ
ชวนเที่ยว : ตามอดีต 'ภูพยัคฆ์' แห่งน่านเหนือ : เรื่อง / ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์ : oknation.net/blog/vickie
"ภูพยัคฆ์" ชื่อนี้แวบขึ้นมาจากคำชวนของเพื่อนไปขึ้น "ดอยภูแว" แล้วก็ดั้นด้นค้นหาความหมาย จนรู้ว่าอยู่ถึง อ.เฉลิมพระเกียรติ ดินแดนไกลสุดชายแดน "น่านเหนือ"
ภูพยัคฆ์ เป็นดินแดนแห่งความสงบของชนเผ่าลัวะ อยู่ใต้เทือกเขาผีปันน้ำ กั้นเขตแดนไทย-ลาว หลักกิโลเมตรที่ 30 เมื่อก่อนชื่อ “ภูผายักษ์” บนยอดภูเป็นหินผาสวยงาม มีสภาพเป็นป่าดิบและเป็นดงเสือ จึงได้ชื่อว่า “ภูพยัคฆ์” อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร เคยเป็นที่ปลูกฝิ่น และเคยเป็นสมรภูมิระหว่างทหารไทยกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
เราเลือกเดินทางเป็นวงกลมรอบจังหวัด โดยผ่านออกไปทาง อ.ท่าวังผา-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง-เฉลิมพระเกียรติ แล้วขากลับค่อยลงมาทาง อ.บ่อเกลือ
เห็นป้ายข้างทาง "อ.เฉลิมพระเกียรติอีก 50 กม." ตอนที่รถเข้าสู่ อ.ทุ่งช้าง นึกว่าไม่ไกลคงถึง ที่ไหนได้ ระยะนี้เป็นเส้นทางลดเลี้ยวขึ้นเขา จากที่มีรถผ่านไปมาหลายคัน เริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ เห็นแต่รถสิบล้อเป็นส่วนใหญ่ เข้าเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ มีทางแยกซ้ายไปชายแดนลาว ซึ่งรถสิบล้อพากันเลี้ยวไป แต่เรายังตรงไปถึงบ้านห้วยโก๋น...บ้านกิ่วจันทร์ ความลังเลเริ่มปรากฏ ขณะที่เสาหลักเขตบอกระยะทางที่ร่นเข้า อ.บ่อเกลือ ไปเรื่อยๆ ถ้าถึงบ่อเกลือเมื่อไหร่ล่ะก็ หมายถึงเราเลยทั้งภูพยัคฆ์และภูแวมาแล้วแน่ๆ และจากภูพยัคฆ์อาจจะเป็นกูพยักแทนก็ได้ แบบว่าค่ำไหนนอนนั่น อยู่ที่ใครจะพยักเมื่อไหร่
ตะวันคล้อย ถึงทางแยกไป "บ้านน้ำรีพัฒนา" กับป้าย "สำนักงานพัฒนาเกษตรที่สูงภูพยัคฆ์ 35 กม." จากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน ลึกเข้าไป อากาศเริ่มเย็นลงทุกขณะ เห็นชาวบ้านนั่งผิงไฟกันแล้ว "ท่าทางจะหนาวจริง"
ระยะสุดท้ายก่อนขึ้นถึงสำนักพัฒนาเกษตรที่สูงภูพยัคฆ์ เป็นเส้นทางลูงรัง ชันเป็นบางช่วง รถตู้แต่งมาขึ้นไม่ไหวเลยต้องขออาศัยรถกระบะที่ขับตามหลังมาขึ้นไป ซึ่งก็เป็นครูอยู่โรงเรียนด้านล่างนั่นเอง พาเพื่อนขึ้นมาส่ง แถมด้วยผู้คนที่อยู่บนนั้น บวกกับเจ้าหน้าที่แต่ละคนถามไถ่ ดูแลจนเรารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของการต้อนรับ
แล้วคืนนี้ เราก็ได้บ้านพัก เอเฟรม ที่บังเอิญเหลือห้องว่าง แถมได้รับคำเชื้อเชิญจากเจ้าหน้าที่ ไปใช้เครื่องครัวได้ตามสบาย
เกือบลืมเล่าให้ฟัง...ทั้งกล้วยหอม ฟักทอง แตงลูกใหญ่มากๆ แต่ราคาถูกแสนถูก วางขายอยู่ส่วนหน้าที่ทำการ กล้วยหอมนี่ตื่นตาตื่นใจมาก เพราะขนาดหวีใหญ่กว่ากล้วยหอมใหญ่ๆ ที่เคยเห็นในเมืองถึง 2-3 เท่า แต่ราคาแค่หวีละ 45 บาท
เช้ารุ่งขึ้น หลังตื่นมาต้มน้ำชงกาแฟจิบ ถึงได้คว้ากล้องออกสำรวจรอบๆ ที่พักซะหน่อย
ดอกไม้เริ่มผลิบานรับอากาศหนาวเย็นที่มาเยือน...อืม ดอกท้อ หรือ พีชแดง เริ่มแย้มให้เห็น แต่บางต้นก็มีแต่ดอกตูมๆ พอเร้าใจ สรีระที่เห็นตอนแรกนึกว่าต้นนางพญาเสือโคร่ง เพราะลักษณะดอกคล้ายกันมาก ยามนี้ดอกเพิ่งจะเริ่มผลิบาน และยังเห็นเป็นตุ่มดอกตามกิ่งอีก ถ้าบานทั้งหมดคงงามทีเดียวยามที่ตัดกับท้องฟ้าสีคราม
มองข้างล่างก็เจอแปลงผักกาด ที่เจ้าหน้าที่บอกว่าทดลองปลูก เผื่อพลิกฟื้นอาชีพให้คนพื้นที่
ฉันมีโอกาสได้คุยกับ "พี่ดำรงค์" เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่ภูพยัคฆ์ จนได้ทราบเรื่องราวของภูพยัคฆ์มากขึ้น และปัจจุบันยังมีบางพื้นที่ที่ยังมีกับระเบิดหลงเหลืออยู่
"ภูพยัคฆ์" พื้นที่พัฒนาเกษตรที่สูง เป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง มีเนื้อที่ที่ต้องดูแลราวหมื่นไร่ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนในย่านนั้นได้เรียนรู้ ทำมาหากิน โดยไม่ต้องบุกรุกป่าเพิ่มเติม ในขณะที่พื้นที่ส่วนอุทยานก็จะกันชาวบ้านออกมา แล้วปลูกต้นไม้กลบหัวโกร๋นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เชื่อว่าค่อยๆ ทำไป สักวันเมืองน่านจะไม่เต็มไปด้วยเขาหัวโล้นอีก
พืชผลการเกษตรที่ทดลองปลูกที่นี่ มีทั้งปลูกผัก ปลูกข้าว ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น มอนเบอร์รี่, ถั่วศุภโชค, กาแฟ ที่ปัจจุบันมีผลผลิตแปรรูปออกขายสู่ท้องตลาด...ใครไปก็แวะซื้อหาได้ ในตัวเมืองน่าน ร้านค้าของภูพยัคฆ์อยู่หน้าวิทยาลัยเทคนิคน่าน
อีกมุมหนึ่งของภูพยัคฆ์ เป็นที่มั่นสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่มี พ.ท.โพยม จุลานนท์ หรือลุงคำตัน หรือ สหายคำตัน พ่อของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เคยใช้ชีวิตอยู่สมัยเข้าป่า ดินแดนแห่งนี้จัดเป็นศูนย์บัญชาการ ระดับเสธ.ของ พคท. ซึ่งถือเอาวันที่ 1 ธันวาคม 2485 เป็นวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เลขาธิการพรรคคนแรก คือ พายัพ อังคสิงห์ หรือ พิชิต ณ สุโขทัย มีสมาชิกเริ่มแรก 57 คน ภารกิจเฉพาะหน้าคือ ต่อต้านญี่ปุ่น และรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม
กระทั่งมาเกิดรัฐประหารโดยจอมพล ป. ในปี 2490 ฝ่ายเสรีนิยมและสังคมนิยมถูกกำจัด ช่วงนั้นมีบุคคลสำคัญหลายคนเข้าร่วมกับ พคท. อาทิ พ.ท.โพยม, อัศนี พลจันทร, ปั่น แก้วมาตย์ และประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เป็นต้น
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ก็มีนักศึกษาและคนที่มีแนวคิดขัดแย้งกับทางการ หนีเข้าป่าไปรวมกับ พคท. แต่ไม่นาน พคท.ก็เกิดความแตกแยก ประกอบกับนโยบาย 66/2523 ของรัฐบาล ทำให้ พคท.อ่อนแอลงเรื่อยๆ ก่อนจะยุติบทบาท หลังการจับกุมครั้งใหญ่ในปี 2532
คุยไป คุยมา พี่ดำรงค์เลยชวนขึ้นไปดูค่ายคอมฯเก่า บอกว่าเป็นฐานที่มั่นใหญ่และฐานที่มั่นสำคัญ ต้องใช้รถโฟร์วีลส์ขึ้นไป ระหว่างทางชี้ชวนให้ดูพืชผลทางการเกษตร เลยแปลงเกษตรเลาะเนินเขาไป เห็นต้นไม้ใหญ่ปลูกเต็มพื้นที่ ได้ความว่า เป็น "ต้นดอกเสี้ยว" ซึ่งปกติจะบานเยอะๆ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ยามดอกเสี้ยวขาวบานทั้งดอยคงจะสวยงามทีเดียว
รถขึ้นไปได้พักใหญ่ก็ถึงจุดที่ปล่อยให้พวกเราเริ่มเดินเลียบค่าย พร้อมกับความทึ่งในทำเลที่ตั้ง ทั้งลาดเนินเขา และลานกว้างริมธารน้ำเบื้องล่าง จนนึกไปถึงบทเพลง "เบื้องบนเป็นแผ่นฟ้ากว้าง เบื้องล่างคือธารน้ำใส" ขึ้นมาทันใด
บริเวณเนินที่ลงสู่พื้นที่ด้านล่าง ผ่านกระท่อมลุงไฟ หรือนายผี อัศนี พลจันทร ไม่ไกลกันนักเป็นกระท่อมลุงคำตัน ด้านในกระท่อมแบ่งเป็น 3 ห้องย่อยๆ ที่มีเพียงมีโต๊ะ เก้าอี้ยาวนั่ง แล้วก็ห้องนอนที่มีแคร่ยาว ส่วนห้องในสุดเป็นห้องโล่งๆ
จากโซนที่พัก เดินเลาะลงด้านล่าง ที่มีธารน้ำไหลผ่าน ถึงได้เห็นว่า มีอุโมงค์ที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ซึ่งมีคนดูแลบอกว่าเดินเข้าไปได้ พวกเราโชคดี มีไฟฉายเล็กๆ ติดไปด้วย เลยพากันเดินเข้าช่องนี้ ทะลุไปช่องนั้น ตลอดทางอุโมงค์เดินทะลุถึงกันได้หมด
เดินเที่ยวค่ายคอมฯ จนทั่ว ถึงได้เดินทางกลับ แต่ก่อนลงมาข้างล่างยังได้แวะที่ "อนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์" ทำให้ได้ทราบเรื่องราวของ พคท.ที่ภูพยัคฆ์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงประวัติบุคคลสำคัญ นอกเหนือจาก "ลุงคำตัน" ยังมี "เปลื้อง วรรณศรี" นักหนังสือพิมพ์การเมืองและอดีตส.ส. รวมถึงเรื่องราวของนายผี อัศนี พลจันทร ที่ย้ายมาอยู่ที่สำนัก 708 ภูพยัคฆ์ ในราวปี 2522 พร้อมกับนามเรียกขาน "ลุงไฟ" หรือ "บไร"
ในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย ก็รีบซาบบ่รอซึม
แดดเปรี้ยงปานหัวแตก แผ่นดินแยกอยู่ทึบทึม
แผ่นอกที่ครางครืม ขยับแยกอยู่ตาปี
มหาห้วยคือหนองหาน ลำมูลผ่านเหมือนลำผี
ย้อมชีพคือลำชี อันตำแรกอยู่รีรอ
(ท่อนหนึ่งของบทกวี : อีศาน, สยามสมัย, 2494 ที่ประดับไว้ที่อนุสรณ์สถาน)
วันที่ 10-11 ธันวาคม 2554 จะมีการจัดงานรำลึกถึงวีรชนประชาชน ที่อนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์นี่ด้วย ซึ่งเป็นงานใหญ่ และปีนี้มีจัดแสดงวัฒนธรรมชนเผ่าลัวะ ม้ง ผู้ยวน นอกเหนือจากกิจกรรมอื่นๆ ด้วย
หลังใช้เวลาอยู่ที่อนุสรณ์สถานนี้นานพอควร ลงมาถึงโรงเรียนด้านล่าง ยังเจอทิวต้นนางพญาเสือโคร่งที่เริ่มทิ้งใบ คาดว่าปีใหม่คงผลิดอกสวยงามเต็มพื้นที่
ฉันเดินทางกลับพร้อมคำตอบในใจ..."ภูพยัคฆ์" ดินแดนแห่งชีวิต ที่มีทั้งความสวยงาม ความลึกลับ และความถวิลหาอดีตที่เป็นเรื่องเล่าไม่รู้จบ
การเดินทางไปได้ 2 เส้นทางคือ จาก จ.น่าน ไปทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ ถึงภูพยัคฆ์ ระยะทาง180 กม. หรือ จาก จ.น่าน ไปทาง อ.บ่อเกลือ ถึงภูพยัคฆ์ระยะทาง 230 กม.
ชวนเที่ยว : ตามอดีต...ภูพยัคฆ์ แห่งน่านเหนือ
เรื่อง / ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์ : oknation.net/blog/vickie