
จากเดินป่า มากู้ภัยเมือง
ถิ่นไทยงาม : จากเดินป่า มากู้ภัยเมือง
ภัยน้ำท่วมยังไม่หมดไป แม้จะมีลมหนาวแผ่วๆ มาสะกิดเรียกถึงหน้าต่างและประตูบ้าน ... น้ำท่วมครั้งนี้ หนัก และนาน และกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ที่บางคนเรียกขานว่าเป็น "กรุงเทพมหานที" มีอาสาสมัครหลายกลุ่มออกมาช่วยกัน และหนึ่งในนั้นคือ "นักเดินป่าอาสากู้ภัย"
จากคนเดินป่า หรือคนที่ชอบแบกเป้ท่องเที่ยวในเส้นทางของป่าใหญ่ หลายคนอยู่ในพื้นที่ประสบภัย หลายคนมาจากที่อื่น มารวมตัวช่วยกันกลางเมืองใหญ่ กลุ่มนี้เริ่มกันมาตั้งแต่ภัยพิบัติครั้งใหญ่ ที่ กรุงชิง, สบเมย และล่าสุด กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี ทาร์ซานบอย เป็นตัวตั้งตัวตีและประสานการทำงานกับเพื่อนๆ นักเดินป่า รวมถึงผู้ใหญ่อีกหลายๆ คน ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยในการระดมข้าวของจำเป็น
นายนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น (ต้า หรือ OB1) เว็ปมาสเตอร์เว็บไซต์เดินป่าอันดับต้นๆ ของเมืองไทย www.trekkingthai.com กระโดดเข้ามาช่วยในงานนี้เช่นกัน เพราะคราวนี้ ภัยมาหาถึงประตูบ้าน ช่วงแรกที่เข้ามาจัดการในกลุ่ม "นักเดินป่าอาสากู้ภัย" คือช่วยวางแผนการทำงาน และการเข้าถึงพื้นที่ ร่วมกับ บอย หรือ ทาร์ซานบอย แห่งเขาหลวง ในช่วงแรกๆ ระยะแรกที่กะบะเข้าได้ ก็เอารถตัวเองออกวิ่งขนของ ออกสำรวจหัวน้ำ แถวตลิ่งชัน ทวีวัฒนา ไปจนถึงบางใหญ่ เพราะตอนนั้นคนยังไม่รู้ว่า น้ำจะไหลมาทางไหน ซึ่งหัวน้ำบางทีก็เป็นแค่น้ำผุด ขณะที่น้ำในคลองยังไม่ล้นตลิ่ง คนก็ไม่รู้ แต่เราดูแล้ว มันใช่แน่ๆ หรือบางทีเห็นแล้วว่าน้ำพุ่งมาแรงมาก เราก็มาประสานกับผู้นำชุมชน เพื่อแจ้งให้รู้ และจะได้เตรียมการรับมือได้ทัน
แต่ภัยครั้งนี้ น้ำมาใหญ่จริงๆ รถตัวเองก็เข้าอู่ซ่อมพอดีกับที่น้ำท่วมสมาคมปักษ์ใต้ ซึ่งเป็นแนวหน้าของการลงพื้นที่ เราก็ปรับแผนกันไป แต่หลักๆ ก็จะต้องสำรวจพื้นที่ ความต้องการ จำนวนคนก่อน แล้วจากนั้นก็ค่อยเอาถุงยังชีพเข้าไปช่วย จนถึงตอนนี้มีเปลี่ยนรุ่นทำงานมาถึง 3 รุ่นแล้ว จากกลุ่มแรกๆ เป็นเพื่อนเดินป่า ที่บอกกันปากต่อปากมาช่วยกัน เพราะการทำงานไม่ได้ต้องการกลุ่มใหญ่ที่คุยกันไม่รู้เรื่อง
บางทีการเข้าพื้นที่แบบนักเดินป่า ก็ต่างจากหน่วยงานใหญ่ๆ หรืองานอาสาที่คนอื่นๆ เคยทำมา คือเรามีพื้นที่เป้าหมาย ส่วนจะเข้าไปแบบไหนก็ประยุกต์กันไปตามปัจจัย และยานพาหนะที่มี ซึ่งบางทีมองว่าอาจจะล่าช้า แต่แน่นอนว่าเราเข้าได้ถึงทุกตรอกซอกซอยแน่ๆ
สิ่งหนึ่งที่ต้าบอกว่า ได้จากน้ำท่วมครั้งนี้ คือการได้เปิดประสบการณ์แบบใหม่ ที่แม้ไม่ใช่เดินป่าที่เขาเคยหลงใหล ขนาดลาออกจากงานประจำมาทำเว็ปไซด์ และทัวร์ท่องเที่ยวเดินป่า " ผมได้ท่องเที่ยวในยามน้ำท่วม เวลาเดินเข้าไปในซอยต่างๆ ได้คุยกับคนที่ถูกน้ำท่วม แลกเปลี่ยนความเห็นกัน บางคนมีเรื่องสนุกๆ เล่าให้ฟัง คนที่เครียดๆ ก็มี และวิวที่เห็น ก็ไม่ใช่วิวที่จะได้เห็นกันบ่อยๆ"
มุมมองของต้า ที่เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงสนุกๆ กับการออกไปช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็แถมท้ายไว้น่าฟัง "สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า เป็นเรื่องน่าศึกษา ก็คือทำไมคนต้นซอย กับท้ายซอยถึงต่างกันมาก"
ต้าบอกว่า จากที่เข้าไปช่วยเหลือ บางทีถูกต่อว่าตั้งแต่ต้นซอยเมื่อเราไม่ให้ของ ขู่จะล่มเรือก็มี หรือมีน้องที่เข้าไปพื้นที่หนึ่งถึงกลับถูกน้ำสาดไล่ แต่ยังดีที่พื้นที่ฝั่งตะวันตกเบากว่านี้เยอะ และถ้าตัวเองไปก็พอจะเอาตัวรอดได้ เพราะเราเป็นแค่ "เด็กส่งของ"
เล็ก หรือ Snail of November ชื่อที่ใช้ในเว็ปบอร์ดต่างๆ เป็นอีก 1 คนที่เคยคลุกคลี กระโดดเข้าร่วมวงนักเดินป่าที่อาสากู้ภัยของมวลชนตามถนัด ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เกิดน้ำป่าและดินถล่มที่กรุงชิง จ.นครศรีธรรมราช และครั้งที่ 2 ที่ต้องอาศัยการเดินเท้าเข้าไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลของ อ.สบเมย ที่ถูกตัดขาดจากภายนอก และครั้งนี้ ภัยกลางกรุง
"ตอนที่ไปกรุงชิง ที่แม้พื้นที่จะไกล แต่เพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่นเยอะ มาครั้งนี้บ้านเราท่วมเองเราก็ต้องอยู่ช่วย เพราะทั้งห่วงบ้าน และห่วงคนที่บ้าน"
เริ่มแรกของการเข้ามาทำงานอาสากู้ภัย ตั้งแต่กรอกกระสอบทรายที่สายไหม เพราะอยู่ไม่ไกลบ้าน แรกๆ มาคนเดียว มาทุกคืน ไปๆ มาๆ ก็คุยกันเป็นเพื่อนกันไป แล้วก็มีเพื่อนๆ เดินป่าที่มาช่วยกันอีกส่วน
"แรงเหลือ ... เลยต้องออกมาใช้แรง ไม่ได้มีเป้าหมาย คือไปทำกับกลุ่มไหนก็ได้ ขอให้ถูกจังหวะและเวลา และกำลังของตัวเองที่มี ไม่ต้องเรื่องเยอะหรือคนเยอะ เพราะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ"
เล็กบอกว่า ส่วนใหญ่ก็ดูจากประกาศขอแรง ขออาสาสมัครจากเฟซบุ๊ก เราก็ไป หรือถ้าเราฟอร์มทีมเพื่อนๆ ที่ต่างคนต่างหาของมาได้ มีรถ มีเรือ เราก็ไปกัน ตอนนี้ชีวิตการงานกลับมาสู่ช่วงปกติ ทำให้เหลือเวลาไปช่วยคนอื่นก็แค่วันเสาร์-อาทิตย์ และหลังน้ำลดภารกิจของเราก็ยังไม่หมด เพราะต้องฟื้นฟู บ้านตัวเองก็ท่วมก็ต้องทำความสะอาด แล้วก็คงช่วยฟื้นฟูกันตามบ้านเพื่อนๆ คนใกล้ตัว แค่นี้ก็แทบไม่เหลือเวลาทำอะไรแล้ว
แต่ให้เหนื่อย ให้หนักแค่ไหน ทุกอย่างอยู่ที่แรง และกำลังใจ และแม้จะเหน็ดเหนื่อยก็ยังรักการเดินทาง ที่หวังว่า เมื่อสถานกาณณ์ต่างๆ ดีขึ้น คงได้แบกเป้เดินทางกับเพื่อนๆ อีกครั้ง
-----------------------
(ถิ่นไทยงาม : จากเดินป่า มากู้ภัยเมือง)