ไลฟ์สไตล์

ฟื้นอาชีพทำข้าวหลามโพตลาดแก้ว

ฟื้นอาชีพทำข้าวหลามโพตลาดแก้ว

25 พ.ย. 2554

ฟื้นอาชีพทำข้าวหลามโพตลาดแก้ว ชุบชีวิตครอบครัวหลังน้ำลด โดย...สรศักดิ์ ทับทิมพราย

                 ในเขตเทศบาลตำบลโพตลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี นับเป็นแหล่งผลิตข้าวหลามรสชาติอร่อยและขึ้นชื่อที่สุดของ จ.ลพบุรี มายาวนาน จนได้รับการคัดสรรให้เป็นสินค้าโอท็อปของ ต.โพตลาด มีแม่ค้าพ่อค้าประกอบอาชีพทำข้าวหลามขายนับสิบๆ ราย ซึ่งล้วนแต่ได้รับสูตรมาจากแหล่งเดียวกัน แต่ช่วงที่ผ่านมาในเขต ต.โพตลาดแก้ว ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากน้ำท่วมหนัก จนถนนสายหลักโดยเฉพาะสาย 311 เส้นทางเลี่ยงเมืองลพบุรี-สิงห์บุรี และสะพานถูกกระแสน้ำกัดเซาะขาดหลายแห่ง จนน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ทำให้ผู้ที่ประกอบอาชีพทำข้าวหลามต้องหยุดชะงัก กลายเป็นคนตกงานนับแรมเดือน ครั้นน้ำลดหันมาทำข้าวหลามขายอีก พบว่า ต้นทุนสูงลิ่ว โดยเฉพาะลำไม้ไผ่และมะพร้าวราคาสูงกว่าเท่าตัด แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าข้าวหลามในโพตลาดแก้ว ยังยืนยันจะขายข้าวหลามในราคาเดิม เพราะไม่ต้องการซ้ำเติมผู้บริโภคนั่นเอง

                 ลัดดาวัลย์ สิงหล แม่ค้าข้าวหลามในโพตลาดแก้ว วัย 46 ปี ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยึดอาชีพเผาข้าวหลามขายมานานแล้ว เธอบอกว่า เป็นอาชีพที่รับช่วงมาจากครอบครัว คือคุณพ่อคุณแม่ที่ยึดทำเลริมถนนเลี่ยงเมืองสาย 311 (เลี่ยงเมืองลพบุรี-สิงห์บุรี) เป็นอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวมาตลอด แต่ช่วงเดือนตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา เกิดน้ำท่วมจึงหยุดขายไปร่วมเดือน พอน้ำลดลงและมีการซ่อมแซมถนนเข้าสู่ปกติ จึงหวนกลับมาเผาข้าวหลามขายอีก เพราะต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่พบว่าการกลับมาทำข้าวหลามขายหลังจากน้ำท่วม พบว่าต้นทุนแพงขึ้นทุกอย่าง ทั้งข้าวเหนียว น้ำตาล มะพร้าว และลำไม้ไผ่ แต่ก็ต้องขายเพราะเป็นอาชีพหลัก

                 "ตอนที่ทำข้าวหลามขายก่อนน้ำท่วม มะพร้าวที่เราเคยซื้อลูกละ 5-10 บาท พอหลังน้ำลดต้องควักทุนเพิ่มเป็นลูกละ 25-30 บาท ไม้ไผ่เคยซื้อลำละกว่า 10 บาท ปัจจุบันลำละ 26 บาท แม้แต่ข้าวเหนียวและน้ำตาลขึ้นเช่นกัน แต่เราก็ยังขายข้าวหลามในราคาเดิม เพราะไม่ต้องการซ้ำเติมผู้บริโภคที่เพิ่งได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็ขายดีเหมือนเดิมในแต่ละวันจะขายได้ประมาณวันละ 700-800 กระบอก ลงทุนไปวันละเกือบ 5,000 บาท ใช้เวลาในการเผานานประมาณ 2 ชั่วโมง ได้กำไรวันละ 700-800 บาท" ลัดดาวัลย์กล่าว

                 เธอบอกด้วยว่า ช่วงที่น้ำท่วมก็ไม่ได้ไปไหน อยู่แต่ในบ้าน หนุนบ้านให้สูงขึ้น ทรมานมาก เพราะในบ้านก็ไม่มีเงินเก็บ ไปแจ้งกับทางราชการก็ยังไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยอะไร ต้องช่วยตัวเอง แม้แต่ซังข้าวโพดที่ซื้อมาก่อนน้ำท่วมไว้ 1 คันรถบรรทุกพ่วงใหญ่ ในราคาพ่วงละ 4,000 บาท มากองไว้เผาข้าวหลาม พอมวลน้ำมาครั้งเดียวพัดพาซังข้าวโพดไปหมด ปัจจุบันต้องใช้กะลามะพร้าวแทนเพราะยังหาซังข้าวโพดไม่ได้

                 ด้าน มานพ ทองชื้น อายุ 47 ปี น้องชายลัดดาวัลย์ที่ไปช่วยพี่สาวปลอกข้าวหลาม และปอกเปลือกไม้ไผ่  บอกว่า ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรีในช่วงนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านเท่าไรนัก เพราะถนนบางช่วงบางตอน แขวงการทางกำลังเร่งซ่อม หากถนนดีรถยนต์ผ่านไปมาได้สะดวก ข้าวหลามโพตลาดแก้วจะขายดีกว่านี้ เพราะจะมีรถเล็ก รถใหญ่ แวะซื้อกัน เนื่องจากข้าวหลามในโพตลาดแก้วขายราคาถูกกระบอกละ 10 บาท แต่ปัจจุบันขึ้นมาเป็นกระบอกละ 13 หรือ 2 กระบอก 25 บาท  

                 นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานของรัฐในที่สุดต้องพึ่งตนเองเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้

---------------------------
(ฟื้นอาชีพทำข้าวหลามโพตลาดแก้ว ชุบชีวิตครอบครัวหลังน้ำลด โดย...สรศักดิ์  ทับทิมพราย)