
รับรอง3พันธุ์ข้าวใหม่ล่าสุด
รับรอง3พันธุ์ข้าวใหม่ล่าสุด เลือกชาวนาไทยหลังน้ำลด โดย...ดลมนัส กาเจ
แม้ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลบางจังหวัดยังมีระดับน้ำท่วมขังอยู่อีกจำนวนมาก คนยังหวาดผวากลัวว่าน้ำเหนือจากเขื่อนต่างๆ จะปล่อยลงมา ซึ่งอาจซ้ำเติมให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างอีก แต่อีกมุมหนึ่งของผู้ที่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นเกษตรกรที่อาศัยตามลุ่มน้ำยม น่าน และปิง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกที่สำคัญของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น จ.กำแพงเพชร พิจิตร สุโขทัย พิษณุโลก รวมถึงนครสวรรค์ บางพื้นที่กลับต้องการให้เขื่อนปล่อยน้ำลงมา เนื่องจากถึงเวลาที่จะต้องทำนาปรังกันแล้ว แต่ยังขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก
ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอง ก็ได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพให้แก่เกษตรกรที่จะเพาะปลูกข้าวทั้งนาปรังและนาปีหลังน้ำลดช่วงเดือนพฤศจิกายน 2554-กรกฎาคม 2555 จำนวนทั้งสิ้น 72,100 ตัน ซึ่ง นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุข้อมูลจากกรมส่งเสริมการเกษตรที่ได้สำรวจพื้นที่พบว่า พื้นที่นาข้าวได้รับผลประทบ 9.01 ล้านไร่ คาดว่าจะมีพื้นที่ทำนาข้าวเสียหาย 7.21 ล้านไร่ แต่จะช่วยเฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวและมีพื้นที่ปลูกข้าวได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และจะช่วยรายละไม่เกิน 10 ไร่ ในปริมาณไร่ละ 10 กก. เท่านั้น และแบ่งเป็น 2 ระยะคือหลังน้ำลด จำนวน 33,166 ตัน และฤดูนาปีอีก 38,934 ตัน ขณะที่ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวรวม 69.82 ล้านไร่ แบ่งเป็นปลูกข้าวนาปี 57.42 ล้านไร่ และข้าวนาปรัง 12.40 ล้านไร่
ซึ่งสอดคล้องกับช่วงนี้ ที่หลังจากน้ำท่วมแล้วเกษตรกรอาจมีความคิดที่จะทดลองปลูกสายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ นายชัยฤทธิ์ ดารงเกียรติ รองอธิบดีกรมการข้าว บอกว่า คณะกรรมการพิจารณาพันธุ์ กรมการข้าวได้พิจารณารับรองพันธุ์ข้าวใหม่จำนวน 3 พันธุ์ด้วยกันคือ ประเภทข้าวเหนียว พันธุ์เหนียวดาช่อไม้ไผ่ 49 เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวที่ศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว เป็นข้าวไวต่อช่วงแสง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 363 กก./ไร่ ความสูงประมาณ 135 ซม. มีลักษณะเด่น เมื่อนึ่งสุกมีลักษณะอ่อนนุ่ม ทางภาคใต้นิยมนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นอาหารเสริมหรืออาหารว่าง และใช้ในงานบุญประเพณี ทำให้ราคาจำหน่ายสูงกว่าข้าวทั่วไป เหมาะสำหรับปลูกในบริเวณพื้นที่นาดอนและสภาพไร่ในภาคใต้ แต่อ่อนแอต่อโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง ไม่เหมาะสมกับการปลูกในพื้นที่นาลุ่ม
อีกสายพันธุ์เป็นข้าวเจ้าลูกผสม พันธุ์ กขผ 1 ปรับปรุงพันธุ์โดยศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว มีอายุเก็บเกี่ยว 115 วัน (โดยวิธีปักดา 20 x 20 ซม.) ทรงกอตั้ง ต้นสูง 116 ซม. ต้นแข็งมาก ลักษณะเด่น ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,006 กก./ไร่ สูงกว่าพันธุ์ปทุมธานี 1 (666 กก./ไร่) และสุพรรณบุรี 1 (817 กก./ไร่) ต้านทานต่อโรคไหม้ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก นอกจากนี้ ค่อนข้างต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดหลังขาว แต่อ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และโรคขอบใบแห้ง พื้นที่แนะนำให้ปลูก ได้แก่ พื้นที่นาชลประทานในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง
สุดท้ายเป็นข้าวเจ้าลูกผสม พันธุ์ซีพี 304 ปรับปรุงพันธุ์โดยเอกชนคือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด (ซีพีเอส) เป็นข้าวเจ้าลูกผสมไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 103-104 ความสูง 102-104 ซม. ต้นค่อนข้างแข็ง ทรงกอตั้ง ลักษณะเด่นคือให้ผลผลิตเฉลี่ย 938 กก./ไร่ สูงกว่าพันธุ์สุพรรณบุรี 1 ชัยนาท 1 และพิษณุโลก 2 คิดเป็นร้อยละ 15, 25 และ 29 ตามลำดับ ปลูกโดยวิธีปักดา (ระยะปักดา 30x14 ซม.) ค่อนข้างต้านทานต่อโรคไหม้ พื้นที่แนะนำ ได้แก่ พื้นที่นาชลประทานที่เกษตรกรมีความพร้อมและดินอุดมสมบูรณ์ แต่ควรระวัง เนื่องจากเป็นข้าวอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ไม่ควรปลูกร่วมกับข้าวที่มีอายุต่างกันมาก
นายวิรัตน์ ฤกษ์ศิริ เจ้าหน้าที่วิจัยข้าวลูกผสม ซีพีเอส กล่าวว่า พันธุ์ข้าว ซีพี 304 มีเปอร์เซ็นต์การงอกสูง และมีการแตกกอดี จึงแนะนำให้เกษตรกรใช้เมล็ดพันธุ์ในการหว่านเพียง 10 กก./ไร่ ขณะที่การหว่านพันธุ์ข้าวทั่วไปใช้ประมาณ 30-40 กก./ไร่ ผลการเปรียบเทียบรายได้กับพันธุ์ข้าวทั่วไปของเกษตรกรใน อ.บางเลน จำนวน 150 ราย พบว่า เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 90% เพราะเป็นผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ที่เพิ่มขึ้น เฉลี่ยเกินกว่า 1,000 กก./ไร่ และสูงสุดที่ได้มา 1,500 กก./ไร่
ด้านนายวรรณะ ชัยชนะ เกษตรกรชาวคลองนกกระทุง อ.บางเลน จ.นครปฐม กล่าวว่า ได้ทดลองปลูกข้าวพันธุ์ซีพี 304 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 เป็นช่วงอากาศหนาว โดยวิธีการหว่าน พบว่า ข้าวลูกผสมพันธุ์ซีพี 304 มีการแตกกอดีมาก พอได้เวลาเก็บเกี่ยวให้ผลผลิตสูงถึง 1,580 กก./ไร่ ขณะที่ข้าวพันธุ์อื่นที่เก็บเกี่ยวในช่วงเดียวกันได้ผลผลิตราวๆ 1,200 กก./ไร่เท่านั้น รอบสองปลูกเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน 2554 ให้ผลผลิตเฉลี่ยที่ 1,100 กก./ไร่ ขณะที่ข้าวพันธุ์อื่นในพื้นที่ใกล้เคียงได้ผลผลิตเฉลี่ย 900 กก./ไร่เท่านั้น สาเหตุหนึ่งที่ข้าวพันธุ์ซีพี 304 ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่า น้ำหนักดีกว่า เพราะสามารถทนทานต่ออากาศหนาวได้ดี นอกจากนี้ยังมีเมล็ดลีบน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์ข้าวทั่วไป ทำให้ได้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
ข้าวพันธุ์ทั้ง 3 สายพันธุ์ที่ว่านี้ น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เกษตรกรอาจจะเลือกปลูกข้าวพันธุ์ใหม่ที่เหมาะแต่ละพื้นที่ หลังจากประสบน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา
-------------------------
(รับรอง3พันธุ์ข้าวใหม่ล่าสุด เลือกชาวนาไทยหลังน้ำลด โดย...ดลมนัส กาเจ)