
เปิดซื้อขายล่วงหน้า'ยางแท่ง STR20'
เปิดซื้อขายล่วงหน้า 'ยางแท่ง STR20' เพิ่มศักยภาพ 'ยางไทย' ในตลาดโลก โดย...สุรัตน์ อัตตะ
"ยางแท่งเอสทีอาร์ 20 (STR20)" ได้ชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของไทยที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลกและนับวันความต้องการใช้ของตลาดโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่องเรื่อยๆ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยหรือเอเฟท (AFET) ได้เล็งเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนของตลาดยางแท่ง จึงได้ฤกษ์เปิดตลาดซื้อขายล่วงหน้ายางแท่งเอสทีอาร์ 20 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อรองรับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
จากข้อมูลตัวเลขปี 2553 ที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยมีการผลิตและส่งออกยางแท่งรวมทั้งสิ้น 1,106,412 ตัน หรือเกือบ 40% ซึ่งสูงที่สุดในสินค้ายางทั้งหมดที่ไทยส่งออกและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ "ยางแท่งเอสทีอาร์ 20 (STR20)" นั้น เป็นยางแท่งที่ไทยส่งออกมากที่สุดประมาณ 80% ของปริมาณการส่งออกยางแท่งทั้งหมด โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ จีน ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา
ประสาท เกศวพิทักษ์ ประธานกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย เผยว่าเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา เอเฟทได้ฤกษ์เปิดตลาดซื้อขายล่วงหน้า "ยางแท่งเอสทีอา ร์20" ตามมติคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย โดยใช้สัญลักษณ์ "STR20" และมีการกำหนดให้เดือนกุมภาพันธ์ 2555 เป็นเดือนที่ครบกำหนดส่งมอบเดือนแรก และมีเดือนส่งมอบล่วงหน้าไม่เกิน 7 เดือน แต่ในช่วงแรกได้กำหนดให้มีการซื้อขายล่วงหน้า 5 เดือนส่งมอบ คือ เดือนส่งมอบกุมภาพันธ์ 2555 (STR20 FEB 12) มีนาคม 2555 (STR20 MAR 12) เมษายน 2555 (STR20 APR 12) พฤษภาคม 2555 (STR20 MAY 12) และมิถุนายน 2555 (STR20 JUN 12)
"วันที่ 29 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เอเฟทจะเปิดซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มอีก 1 เดือน คือ เดือนส่งมอบกรกฎาคม 2555(STR20 JUL 12) และมีแผนเปิดซื้อขายในวันที่ 29 ธันวาคม 2554 อีกครั้งสำหรับเดือนส่งมอบสิงหาคม 2555 (STR20 AUG 12) เพื่อให้ครบ 7 เดือนส่งมอบเพื่อให้สอดคล้องกับสัญญายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ทั้งนี้ คุณสมบัติของยางแท่งที่นำเข้ามาซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสินค้ายางแท่งเอสทีอาร์ 20 ด้วย"
ประธานกรรมการเอเฟท เผยต่อว่าเอเฟทได้กำหนดหน่วยการซื้อขายของสัญญายางแท่งเอสทีอาร์ 20 ไว้ที่ 5 ตัน (5,000 กิโลกรัม) และให้ผู้ขายส่งมอบสินค้าเริ่มต้นที่ 20.16 ตัน (20,160 กิโลกรัม) หรือ 4 เท่าของหน่วยการซื้อขาย ซึ่งเป็นขนาดที่ใกล้เคียงกับยางแผ่นรมควันชั้น 3 พร้อมกำหนดราคาขึ้นลงในแต่ละขั้นเท่ากับ 50 บาทต่อตัน โดยมีข้อจำกัดการถือครองข้อตกลงหรือจำนวนสัญญาที่ผู้ลงทุนจะถือครองได้สูงสุดไม่เกิน 3,000 สัญญาของทุกเดือนรวมกัน และในเดือนส่งมอบจะถือครองได้ไม่เกิน 200 สัญญา ส่วนเงินประกันขั้นต้นที่ผู้ประกอบการต้องนำมาวางเพื่อเข้ามาทำการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า กำหนดไว้ที่ 45,500 บาท/สัญญา
"เบื้องต้นเอเฟทได้จัดเตรียมโรงงานผู้ผลิตยางแท่งที่มีมาตรฐานจำนวน 12 โรงงาน ไว้รองรับเพื่ออำนวยความสะดวกในการผลิตและบรรจุยางแท่งเอสทีอาร์ 20 เพื่อให้สามารถส่งมอบและรับมอบสินค้าได้ทันตามระยะเวลาที่กำหนด"
ประสาท ย้ำด้วยว่า ข้อกำหนดการซื้อขายล่วงหน้ายางแท่งเอสทีอาร์ 20 นี้ ถือเป็นการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้สูงกว่ายางแท่งของประเทศคู่แข่งได้ ไม่ว่าจะเป็นยางแท่ง SIR20 ของอินโดนีเซีย ยางแท่ง SMR20 ของมาเลเซีย หรือยางแท่ง SSR20 ของสิงคโปร์ ช่วยผลักดันให้เอเฟท เป็นตลาดล่วงหน้าแห่งแรกที่มีการซื้อขายยางมาตรฐานสูง ซึ่งตรงตามความต้องการของผู้ค้าและอุตสาหกรรมยางทั้งในและต่างประเทศ และส่งผลให้ราคายางแท่งที่ซื้อขายในเอเฟท เป็นราคาอ้างอิงสำหรับยางมาตรฐานสูงที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศ
นับเป็นมิติใหม่ของวงการค้าและการผลิตยางพาราไทยที่จะมีราคาอ้างอิงสำหรับยางชนิดนี้โดยตรง ทั้งยังสามารถยกระดับราคายางพาราให้สูงขึ้น พร้อมขยายช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกยางพาราของไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อีกด้วย
--------------------
(เปิดซื้อขายล่วงหน้า 'ยางแท่ง STR20' เพิ่มศักยภาพ 'ยางไทย' ในตลาดโลก โดย...สุรัตน์ อัตตะ)