
ดอยหัวเสือ : ที่ 3 แห่งอินทนนท์
ชวนเที่ยว : ดอยหัวเสือ : ที่ 3 แห่งอินทนนท์ เรื่อง//ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์ www.oknation.net/blog/vickie
เหนือใกล้หนาว แม้จะมีละอองฝนอยู่บ้าง ภาคกลางจะยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำที่ไหลหลาก หากทุกชีวิตยังดำเนินไปตามวิถี คอลัมน์นี้ก็เช่นกัน ฝนจะตก แดดจะออก ก็ยังจะอยากเปิดมุมดีๆ ของธรรมชาติสวยๆ งามๆ หรือวิถีวัฒนธรรมอันดีให้เป็นที่ประจักษ์ เผื่อเป็นอีกทางเลือกของผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วม ได้แอบหลบมุมทำใจไกลบ้าน
ภาคเหนือ ดูจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในยามปลายฝนต้นหนาว หรือในยามที่อากาศหนาวโชยมา และแน่นอน "ดอยอินทนนท์" เป็นชื่อที่หลายคนคิดถึง เพราะการเดินทางไปก็แสนจะง่าย จากกรุงเทพ ไป อ.จอมทอง และตัดขึ้นดอยอินทนนท์ หรือจะไปทาง อ.แม่แจ่ม ก่อนจะขึ้นดอยอินทนนท์ก็ได้เช่นกัน เส้นทางขึ้นดอยก็เป็นถนนลาดยาง รถทุกชนิดไปได้
ดอยอินทนนท์ เป็นดอยที่สูงอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยระดับจุดสูงสุด 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีแหล่งน้ำตกใหญ่ๆ สวยงามหลายแห่ง รวมถึงน้ำตก "ผาดอกเสี้ยว" ที่กลายเป็นน้ำตกยอดฮิตหลังจากมีภาพยนตร์รักวัยรุ่นไปถ่ายทำ จนน้ำตกแห่งนี้แทบจะได้ชื่อใหม่ตามภาพยนตร์เรื่องนั้นไปเลย นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติสวยๆ เป็นสวรรค์ของนักดูนก สวรรค์ของไม้เล็ก เป็นบ้านของต้นไม้และสัตว์นานาชนิด รวมถึง"กวางผา" หรือ "กวางเทวดา" ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นแถวๆ ผาแง่มน้อย ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ที่มีสะพานไม้ทอดยาวเข้าไปในผืนป่า ระยะทางราว 3 กม.
ใครไปดอยอินทนนท์ มักแวะเคารพสักการะพระสถูปของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และเป็นที่มาของชื่อดอยอินทนนท์ด้วย ใกล้ๆ กันเป็นป้ายที่ใครๆ ก็นิยมมาถ่ายรูปด้วย เพราะสลักคำว่า "สูงสุดแดนสยาม" นอกจากนี้ไม่ควรพลาดแวะสักการะ "พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ" ที่ตั้งอยู่บนความสูง 2,142 เมตร จากจุดนี้สามารถชมวิวของเทือกเขาและผืนป่าได้อย่างงดงาม
หากต้องการเพียงมาพักผ่อนนั่งๆ นอนๆ อิงแอบธรรมชาติ ก็อาจจะเลือกพักที่ ที่ทำการอุทยานฯ หรือจะโฮมสเตย์กันที่บ้านแม่กลางหลวง ของชาวชนเผ่าปกาเกอะญอ ที่มีฉากเป็นทุ่งนาขั้นบันได กับดอกไม้จำพวกเยอบีร่า ที่ปลูกขายเป็นทิวแถวเหนือนาขั้นบันได ก็มีบ้านพักหลายหลัง รวมถึงรีสอร์ทเล็กๆ ที่เกิดใหม่ในบริเวณนั้น แต่สำหรับฉันขอเรียกเหงื่อ เรียกกำลัง และขออิงแอบธรรมชาติมากกว่านั้นขึ้นไปอีก ด้วยการแบกเป้เดินเท้าเข้าป่ากันที่นี่แหละ "ดอยหัวเสือ" เป้าหมายของฉัน
เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่มีโอกาสแบกเป้เดินขึ้นดอยหัวเสือ ง่ายๆ คือติดต่อไปที่บ้านแม่กลางหลวง หาคนนำทางและลูกหาบ ซึ่งก็อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ แต่ครั้งหลังฉันติดต่อผ่านน้องที่อยู่บ้านผาหมอน ชุมชนปกาเกอะญอ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านแม่กลางหลวง และเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกันนั่นแหละ ฉันสองคน คนนำทาง 1 คน ลูกหาบ 1 คน ดูจะน้อยไป พอดีมีนักท่องเที่ยวติดต่อมาที่คนนำทางของฉัน เป็นสาวดัทช์ ที่มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เลยได้ชวนกันไปเดินดอยหัวเสือ ทั้งสองคนก็ตกปากรับคำทันที แม้จะมีแค่ถุงนอนคนละใบก็ตาม
รถกระบะกำลังดี ไปส่งเราทางดอยผาตั้ง สุดชายป่า จากนั้นที่เหลือก็ขึ้นเป้ เดินเท้ากันต่อ ไม้ใหญ่สองข้างทางให้ร่มเงาเป็นอย่างดี ใครว่าเดินป่าหน้าหนาวแล้วจะไม่ร้อน สำหรับฉันบางคราวร้อนตับแทบแลบ ในยามเดินตอนกลางวัน แต่พอตกดึกนี่สิ หนาวสุดขั้วก็มี โดยเฉพาะดอยสูงๆ และที่ดอยหัวเสือในช่วงปลายปีนี้ก็เช่นกัน
ดอยหัวเสือ เป็นดอยที่ว่ากันว่า สูงเป็นอันดับ 3 ของดอยอินทนนท์ ที่ระดับความสูง 1,881 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยมีดอยผ้าขาวสูงเป็นอันดับ 2 ซึ่งสูง 1,980 เมตร
พวกเราเดินคุยกันไปในระยะเริ่มแรก จากนั้นเสียงก็ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นเสียงหอบหายใจแทนในช่วงที่ระดับความชัน ทางเดินค่อยๆ ไล่ความชันขึ้นเรื่อยๆ แต่ความชันแบบนี้แหละที่ฉันว่ามันต้านแรงโน้มถ่วงมากกว่า ปีนๆ ไต่ๆ ตามข้างเขาขึ้นไปเสียอีก เพราะต้องใช้แค่แรงขา 2 ข้างก้าวขึ้น แต่ถ้าเป็นการปีนจะมีกำลังแขนอีก 2 ข้างมาช่วยถ่ายแรง
ต้นไม้สวนใหญ่ที่เห็น ยิ่งสูง ยิ่งสน และยิ่งสวย สนที่นี่เป็นสนสามใบซะส่วนใหญ่ ดูง่ายๆ จากเปลือกต้นที่เป็นตารางชัดเจนและเนื้อเปลือกฟูๆ ถ้าดูไม่ออกจริงๆ ก็หยิบใบที่ร่วงลงพื้นมาดู ถ้ามี 2 ก้านใบก็เป็นสนสองใบ ถ้ามี 3 ก้านใบ ก็เป็นสนสามใบ
บางช่วงเป็นเส้นทางรกครึ้ม แต่บางช่วงก็เป็นทางโล่งๆ ราวๆ 2 ชั่วโมง ก็หลุดขึ้นไปถึง บริเวณหน้าผาหัวเสือ น้องคนนำทางบอกว่า ถ้ามองดีๆ จะเหมือนเป็นจมูกเสือ และหัวเสือ หรือหินริมผาก้อนตรงหน้า จะเป็นที่มาของชื่อดอย แต่ที่นี่จะมีเสือหรือเปล่าไม่เคยมีปรากฏคนพูดถึง (แต่ทางดอยผ้าขาวเจ้าหน้าที่เคยสำรวจพบกองอึเสือ) ลั้นลา ถ่ายรูปเล่นกันได้อีก
ยิ่งตอนขึ้นไปยืนบนก้อนหินที่บอกว่าเป็นจมูกเสือ รับลมเย็นๆ เห็นไปไกลถึงยอดดอยอินทนนท์ เห็นพระธาตุคู่ อยู่ลิบๆ กับแสงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า ทำให้รู้สึกดีเป็นไหนๆ ฉันบอกเพื่อนๆ เสมอว่า ความสวยงามหลายอย่างอยู่ที่รายทางที่เราก้าวผ่าน แต่ก็มีเพื่อนบอกเช่นกันว่า ของสวยๆ มันอยู่ยอดๆ และมันก็เป็นความจริงซะแทบจะทุกครั้ง ถ้าไม่เจอสภาพอากาศ หรือภูมิประเทศกลั่นแกล้งจนมองไม่เห็นอะไรนะ
ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมหน้าผากันได้พักใหญ่ ถึงคราวต้องหาจุดตั้งแคมป์กันแล้ว เราเดินขึ้นไปลึกเข้าไปในร่มไม้กันอีกหน่อย เพราะจะช่วยเป็นตัวกำบังลมยามดึกให้ได้ เพราะที่นี่ลมแรงจัดจริงๆ คราวก่อนกางเต็นท์ แต่ไม่ได้ปักสมอ ปรากฏว่าเต้นตีลังกาง่ายๆ ทั้งๆ ที่มีเป้หนักๆ วางทิ้งไว้ข้างใน คราวนี้ฉันผูกเปล เลือกแทบจะในพุ่มไม้ และผูกไม่สูงจากพื้นมากนัก ด้วยบทเรียนจากหลายป่าที่มีลมแรงสอนให้รู้ว่า ยามลมหวนเข้าใต้เปล มันหนาวถึงกระดูกสันหลังได้ง่ายๆ ทีเดียว
มีนักเดินทางอีกกลุ่มขึ้นมาตั้งแคมป์ก่อนหน้าเรา ทักทายกันตามประสาคนเดินทาง เลยรู้ว่าเป็นชาวเชียงใหม่ เปิดร้านอาหารอยู่ซอยนิมมานฯ 13 ฉันเลยว่าคราวหน้าถ้าเข้าเมืองจะแวะไปทักทาย แต่ตอนนี้เราทักทายแลกอาหารกันกินบนดอยไปพลางๆ นี่แหละ... มิตรภาพรายทางที่มักหาได้ในยามเดินทางสายป่า
คืนนี้จันทร์สว่างก็จริง แต่ก็มีริ้วหมอกปกคลุมเป็นระยะ เรานอนเล่น คุยกัน คืนนี้ตกดึกน้ำค้างแรงจัด ขนาดว่าฟรายชีตที่ขึงกันไว้ เปียกโชก
เสียงก๊องแก๊ง ลอดเข้าโสตประสาท จนสะดุ้งตื่น ถึงได้เห็นว่าแสงยามเช้าส่องมาทักทายแล้ว กับเพื่อนที่ลุกขึ้นมาต้มน้ำชงกาแฟ จัดการมื้อเช้าช่วงสายๆ เสร็จเก็บแคมป์ เดินลง พอๆ กับอีกกลุ่ม พวกเราตั้งเป้าเดินลงอีกด้านกับขาขึ้นเพื่อไปลงที่ท้ายหมู่บ้านแม่กลางหลวงเลย ในขณะที่อีกกลุ่มขึ้นจากทางหมู่บ้านก็ตั้งใจไปอีกด้าน สลับกัน
โบกมือร่ำลา ต่างกลุ่มต่างแยกกันไป เส้นทางเดินลง ก็ลงจริงๆ แถมด้วยทางลื่นๆ หลังจากผ่านหน้าฝน ซึ่งไม่มีใครมาใช้ มาเดิน ทำให้มีตะไคร่น้ำเขียวเกาะ แต่ก็ช่วยให้เราทำเวลาได้ดีมาก เพราะต้องเดินก้าวขาเร็ว เพื่อทรงตัวและถ่วงน้ำหนัก กลางทางยังเจอน้ำตกเล็กๆ ใส กลางป่า เลยได้ล้างหน้าล้างตา คอฟฟี่เบรกกันอีกหน่อย จากตรงนั้นเดินกันอีกราวชั่วโมงกว่าๆ ก็หลุดออกมาถึงแปลงไร่ผักของชาวบ้าน ผ่านบ้านชาวบ้านที่ดูวิถีเปลี่ยนไป บ้านเรือนแข็งแรงขึ้น เลาะลงไปด้านหลังไร่กาแฟพี่สมศักดิ์ แม่กลางหลวง
ฉันปิดทริปนี้ด้วยกาแฟสดกาโตๆ ของพี่สมศักดิ์ ชมวิวทุ่งข้าว หายใจช้าๆ ให้ร่างกายผ่อนคลาย ก่อนที่จะกลับเข้าสู่สังคมเมืองต่อไป หลังจากร่างกายฉันชาร์จแบตก้อนโต "ดอยหัวเสือ" เต็มพลัง
-----------------------------
(ชวนเที่ยว : ดอยหัวเสือ : ที่ 3 แห่งอินทนนท์ เรื่อง//ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์ www.oknation.net/blog/vickie)