
เลียบเลาะปางสีดา ผืนป่าดงพญาเย็น
ชวนเที่ยว : เลียบเลาะปางสีดา ผืนป่าดงพญาเย็น โดย...นพพร วิจิตร์วงษ์ http://www.oknation.net/blog/vickie
"บนดินแดนไกล กว้างไพศาล ยามดวงตะวันจะอำลา ลมยามเย็น พัดโชยทุ่งหญ้า แดดอ่อนส่องฟ้าสีคราม รวยรินลำธารผ่านหุบเขา พงไพรลำเนาห้วยละหาน ใจคำนึงถึงคนทางบ้าน และเธอที่พันผูกใจ ... "
บ่อยครั้งในยามที่ขับรถเที่ยวต่างจังหวัด ผ่านทุ่งนาป่าเขา ฉันมักฮัมเพลงนี้ติดปาก เพลงของ "กุ้ง" กิตติคุณ เชียรสงค์ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังได้เดินทางกลับบ้าน หรือไม่ก็ไปพักผ่อนสบายๆ
ยามนี้ก็เช่นกัน ฉันไม่รีบเร่ง ควบรถคันใหม่ "พี่บิ๊ก" ซึ่งมาแทนที่ "เจ้าดำ" คู่ใจ ที่มักไปไหนมาไหนด้วยกัน จะไม่เรียกพี่บิ๊กได้ไง ก็ใครต่อใครพากันทักเมื่อเห็นฉันขับรถคันโตอย่างไตรตัน สีดำ 4 ประตู มันดูจะแตกต่างกับผู้หญิงบอบบางอย่างฉัน แต่ที่ไหนได้ ขับง่ายดีแฮะ เพราะเป็นเกียร์ออโต้ ที่ฉันใช้เวลาเรียนรู้แค่สองรอบลานจอดรถ 555 ด้วยเพราะความที่เคยชินกับการขับเกียร์ธรรมดา
ถนนบายพาส สาย 33 จากเขาหินซ้อน ไปสระแก้ว ดูจะเป็นเส้นทางคุ้นเคยที่ฉันผ่านไปบ่อยๆ เพราะเป้าหมายอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว ผืนป่าที่ครอบคลุมหลายอำเภอของสระแก้ว และยังรวมกับ เขาใหญ่ ทับลาน ตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ เป็นผืนป่าที่เรียกว่า "ดงพญาเย็น"
ปางสีดาเป็นแหล่งพักผ่อน ที่เหมือนบ้านส่วนตัวของฉัน เพราะช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลท่องเที่ยวก็น้อยคนนักที่จะพักค้าง ยกเว้นมีกลุ่มนักเรียน หรือกลุ่มกิจกรรมอื่นๆ มาออกค่าย อาทิ กลุ่มดูนก กลุ่มดูผีเสื้อ หรือกลุ่มดูดาว เลือกจังหวะดีๆ มานอนดูดาวที่บลานกางเต็นท์กว้างๆ ที่นี่ รับรองไม่ผิดหวัง และนี่แหล่ะ...บ่อยครั้งเลยมีฉันมานอนเล่นผูกเปลอยู่คนเดียว แต่ก็อุ่นใจ เพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแล เพียงแต่เตรียมเสบียงมาหุงหาเองก็สะดวก แถมสถานที่สะอาด
จากปากคำของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา "นายชาตรี ผดุงพงษ์" ที่พูดกับน้องๆ นักศึกษาที่ไปออกค่ายทำโป่งกระทิง จึงได้ทราบว่า ผืนป่ากว้างรอยต่อกับทับลานและเขาใหญ่ ดงพญาเย็นแห่งนี้ เคยเป็นพื้นที่สัมปทานไม้มาก่อน แต่นับว่าโชคดีที่ป่าฟื้นตัวได้เร็ว ยิ่งด้านในป่าลึก ยิ่งดูสวยงามกับต้นไม้ใหญ่ ที่มาของชื่อห้วยมะค่า และแควมะค่านั่นแหละ
ฉันไปถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติปางสีดา (ปด.4) ยามเย็น ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปบนจุดชมวิวได้ หรือพักค้างคืนที่หน่วยย่อย ปด.5 ได้ เพราะระยะทางที่จะขึ้นไปค่อนข้างไกล แถมเป็นถนนในป่า และที่สำคัญทางอุทยานฯ จะปิดห้ามรถขึ้นหลัง 18.00 น. เนื่องจากค่ำกว่านี้จะมีสัตว์ออกหากิน โดยเฉพาะขาใหญ่ อย่าง กระทิง หรือ ช้าง แต่ช้างนี่จะออกหากินชายป่าเป็นช่วงปีละครั้ง แต่ก็อยู่นานเป็นเดือนเหมือนกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและสัตว์ ห้ามไว้ก่อนดีกว่า
คืนแรกเลยต้องกางเต็นท์นอนเงียบๆ อยู่เต็นท์เดียว ไม่ไกลจากที่ทำการ พรุ่งนี้ค่อยขึ้นไปดูที่จุดชมวิว ยามปลอดฝนสักหน่อย แล้วจังหวะดีๆ อาจจะได้เห็นอาทิตย์ตกสวยๆ ตรวจุดชมวิวด้วย แต่มีนักท่องเที่ยวหลายคนชอบขึ้นไปดูทะเลหมอกในยามเช้า ซึ่งก็ต้องแล้วแต่จังหวะ บางวันก็ไม่มีหมอก และตรงนี้ไม่เห็นอาทิตย์ขึ้นด้วย เพราะเขาบัง
ฉันเลยตั้งเป้า จะไปดูอาทิตย์ขึ้นริม อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นตามโครงการพระราชดำริ เห็นแนวเขาปางสีดาเป็นฉากหลัง อยู่ห่างจากอช.ปางสีดาราวๆ จากปางสีดา 6 กม.และจากปากทางเข้าไปอีกราว 4 กม.
สะดุ้งตื่นขึ้นมาเกือบจะ 6 โมง มองเห็นขอบฟ้าสีทอง รู้เลยว่า ต้องรีบเร่งแล้ว ถ้าจะไปให้ทันถ่ายรูปอาทิตย์ขึ้น โชคดีว่า วันนี้ฝนไม่ตก ฟ้าสวยแม้จะเมฆมากเอาการ ไม่นานก็เข้าไปเลียบเลาะที่อ่างเก็บน้ำ แล้วก็เช่นเคยเหมือนที่เคยไปในยามเช้า ที่นี่จะเงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่มี มีแต่ชาวบ้านที่พากันมาหาปลา บ้างก็มาช้อนกุ้งฝอยเพื่อใช้ตกปลากันที่อ่างเก็บน้ำนี่แหละ
อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก โดยมากนักท่องเที่ยวจะพาครอบครัวไปพักผ่อน หรือปิกนิกกันในยามเย็น ซึ่งสวนทางกับฉัน แต่ก็ทำให้ได้เห็นความสงบ สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง โดยเฉพาะในยามที่ดวงอาทิตย์ โผล่พ้นขอบฟ้า ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่ฉันยอมตื่นเช้าๆ มาต้มน้ำจิบกาแฟที่ริมอ่างเก็บน้ำแห่งนี้
แดดเริ่มร้อนถึงได้เคลื่อนตัวกลับที่ตั้ง ที่ปางสีดา เก็บข้าวของ เพราะตั้งเป้าว่าคืนนี้จะขึ้นไปดูอาทิตย์ตกแล้วถ้ามีเวลาพอ ลงมาข้างล่างทันก่อนมืด ก็กลับเลยไม่นอนค้างที่หน่วยย่อยข้างบน แต่จะขึ้นได้ก็ต้องไปขอใบอนุญาตกับเจ้าหน้าที่ ตรงที่ทำการก่อน ถือเป็นอีกมาตรการป้องกันพวกลักลอบตัดไม้ ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ เพราะเมื่อก่อนเคยเจอจับได้ ขึ้นไปแบบนักท่องเที่ยว ลงมาพร้อมสัตว์ป่า หรือพันธุ์ไม้ก็มี ก็ถือเป็นมาตรการป้องกันเอาไว้ก่อน
ระหว่างขึ้นจุดชมวิว ฉันแวะดูน้ำ ที่ น้ำตกปางสีดา เสียหน่อย เดียวจะหาว่ามาไม่ถึง วันนี้น้ำไม่หลาก สีขุ่น เหมือนกันวันที่ฝนตกก่อนหน้า ปริมาณน้ำก็น้อยกว่า แต่ ใสสะอาด มีผู้คนหอบลูกจูงหลานมาเที่ยว นำอาหารมาปิกนิก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้แค่จุดด้านบน
เลยจากน้ำตกปางสีดาไปไม่ไกล เจอด่านตรวจ ซึ่งตรงนี้จะมี โป่งผีเสื้อ ทั้งด้านซ้ายและขวา เยื้องๆ กัน หากใครได้ไปช่วงพฤษภาคม-กรกฎาคม. หรือต้น สิงหาคม ก็อาจจะได้เห็นฝูงผีเสื้อหลากชนิด บินอวดปีกสวยไปทั่วบริเวณ ซึ่งที่นี่มีรายงานบันทึกการพบผีเสื้อถึง 400 กว่าชนิด เลยไปอีกหน่อยเป็นทุ่งหญ้าโป่งกระทิง แต่ต้องจอดรถแล้วเดินเท้าเข้าไปสัก 2 (เหนื่อย)หอบ แต่ควรมีเจ้าหน้าที่พาไป เพื่อความปลอดภัย งานนี้ขอผ่าน เพราะเป้าหมายอยู่ไกลๆ บนจุดชมวิว
ถึงไม่เร่งรีบ แต่ก็ถึงจุดชมวิวตั้งแต่ยังวัน นั่งพัก ถ่ายรูปพักหนึ่ง กะว่าจะขับกลับ แต่ลงมาได้ไม่ไกล ก็เจอเพื่อนร่วมทาง รุ่นเดียวกัน แต่คนละสี แถมของเค้านั่นแต่งด้วย ทะเบียนประมูลด้วย ฉันเลยวกรถตามกลับขึ้นไปขอถ่ายรูปคู่ แหม....ยังกะไอ้หนุ่มตามจีบสาวยังงั้นแหละ แล้วก็ได้อยู่รอดูตะวันตกดินสมใจเสียที ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง สวยงามๆ กระทั่งแสงสุดท้ายกำลังจะลับขอบฟ้า ถึงได้รีบสตาร์ทรถกลับ
หนทางเริ่มมืด จนบางครั้งต้องใช้ไฟสูงช่วงนำทางไกลๆ แล้วก็จะเอ๋กับขาใหญ่ที่นั่นจนได้ กระทิง 3 ตัว พวกมันรีบหลบเข้าข้างทาง คงเพราะมีตัวเล็กมาด้วย จนถ่ายรูปไม่ทัน ก็น่าแปลก ไปที่นี่ทีไร ก็ได้เจอทุกทีไป 3 รอบแล้วนะ คราวแรกนอนด้านบนก็เจอ เดินป่าเข้าน้ำตกแควมะค่าก็เจอ คราวนี้ก็เจออีก จนฉันเกรงใจที่ไปรบกวนช่วงหากินของมัน
ฉันโบกมือลา อช.ปางสีดาในวันรุ่งขึ้น พร้อมกับหมายมาดว่า สักวันก็คงได้มานอนเล่นที่นี่อีก ออกจากปางสีดา มุ่งหน้าเข้าสะแก้ว แล้วก็ไปบรรจบกับเส่นบายพาส 33 อีกครั้ง เลยได้แวะจิบกาแฟที่ร้านกาแฟเปิดไใม่ สไตล์อิตาเลียน แต่งร้านด้วยต้นไม้เลื้อยด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นสนามหญ้ากว้างๆ มีลานน้ำพุด้านหน้า ให้นั่งเล่นๆ จิบกาแฟเย็นใจ ค่อยออกเดินทางต่อ
เวลาที่มีแค่ 2 วัน อช.ปางสีดา ไม่เคยทำให้ผิดหวัง กับความหลากหลาย ทั้งพืชพันธุ์ที่มีตั้งแต่พืชล้มลุก จนถึงไม้ใหญ่ยืนต้น หรือสัตว์เล็กๆ ตั้งแต่ผีเสื้อ จนถึงสัตว์ใหญ่จำพวกกระทิง และช้าง ... ผืนป่าชายขอบดงพญาเย็น ที่ให้ความร่มเย็นจริงๆ
...................
(ชวนเที่ยว : เลียบเลาะปางสีดา ผืนป่าดงพญาเย็น โดย...นพพร วิจิตร์วงษ์ http://www.oknation.net/blog/vickie)