ไลฟ์สไตล์

'จากรั้วทหารสู่รั้วบ้านพล.อ.ทรงกิตติ'

'จากรั้วทหารสู่รั้วบ้านพล.อ.ทรงกิตติ'

08 ต.ค. 2554

ไฮฮอตวันเสาร์ : 'จากรั้วทหาร สู่รั้วบ้าน พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์'

      พิธีอำลาอย่างยิ่งใหญ่ของบรรดา 3 เหล่าทัพ 1 กองทัพไทย ย่อมเป็นสัญญาณของวาระที่หมดไปตามกาลเวลา ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของ "บิ๊กตุ้ย" พล.อ ทรงกิตติ จักกาบาตร์ หลังจากร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานกว่า 40 ปี หลังจากเดินสายอำลาชีวิตก่อนเกษียณมาหมาดๆ ท่านอดีต ผบ.สส.คนนี้ก็ใจดีเปิดบ้านพักย่าน จ.นนทบุรี พร้อมพาคุณนายและลูกสาวสุดสวยมานั่งพูดคุยถึงเรื่องอนาคตและความสุขหลังหมดภารกิจชาติ

      บ้านเดี่ยวที่รายล้อมไปด้วยตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ของทหาร 4 เหล่าทัพยืนยิ้มเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้าน ย่อมบอกได้ว่าเจ้าของย่อมผูกพันกับเส้นทางสายนี้เป็นแน่ ภายในบ้านพร้อมหน้าไปด้วย ศรีภรรยาและลูกสาวคนกลางของท่านผบ.สส.อย่าง "ออฟ" ภรณี และ "แต้" รวิตา ลูกสาวคนที่สองที่มาร่วมกันพูดคุยถึงไลฟ์สไตล์ในบ้านอย่างเป็นกันเองว่า ความจริงแล้วบ้านนี้ยังมี "ติ๊บ" กฤตินี พี่สาวคนโต และ"ต๊อบ" กิติภูมิ จักกาบาตร์ น้องคนสุดท้องกำลังเรียนต่ออยู่ที่อังกฤษ ในขณะที่แม่บ้านคนสวยได้แอบบอกกับเราว่า ท่านผบ.สส.อยู่ง่ายกินง่าย ไม่ฟู่ฟ่าชอบกระเพาะเนื้อที่เป็นจานโปรดเลย ที่เหลือก็ไข่เจียว หรือก๋วยเตี๋ยวเจ้าโปรด พร้อมกับใช้เทคโนโลยีอย่างวอทแอพได้อย่างดี เพราะจะคอยติดต่อกับลูกๆ ที่อยู่เมืองนอกตลอดเวลานั่นเอง...และยังไม่ทันเมาท์ต่อเหมือนพ่อบ้านคนสำคัญจะรู้ตัว รีบเดินมาสมทบวงสนทนาทันที ในเสื้อโปโลสบายๆ พร้อมกับบอกว่า "มา...จะถามเรื่องอะไร"
หลังเกษียณแล้วจะทำอะไรต่อไป

      ไม่ทำอะไรเลย (หัวเราะ) ตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดไกล แค่อยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น ผมมีลูกสาวคนโตกับลูกชายคนเล็กที่เรียนอยู่อังกฤษ ก็คงจะไปอยู่ดูแลเขาที่นั่นสักพัก ไปๆ มาๆ สลับกับมาอยู่ดูลูกสาวคนกลางที่ประเทศไทยด้วย ผมชอบอยู่บ้านมาแต่ไหนแต่ไร คิดว่าต่อไปกิจกรรมครอบครัวคงจะมีมากขึ้นด้วยซ้ำ 40 ปีที่รับราชการมาผมไม่เคยใช้เวลาอยู่กับครอบครัวแบบเต็มที่เลย

ตอนนี้ถือว่าทำมาสูงสุดในชีวิตไหม

      ถือว่าตำแหน่งนี้เป็นเกียรติประวัติอย่างหนึ่งในชีวิต เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่ได้ทำงานตรงนี้ ที่จริงก็ไม่ใช่ผมทำคนเดียว มีคนตั้ง 4 แสนคนทำงานตรงนี้ หมายถึงผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ว่าจะเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ร่วมใจกันทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ เราก็เป็นส่วนที่เข้ามาจัดการเรื่องต่างๆ เมื่อถึงวันหนึ่งก็หมดเวลาแล้วมีคนใหม่เข้ามาดูแลต่อเป็นเรื่องปกติ

วิธีคลายเครียดของท่าบ ผบ.สส.

      ไม่เคยสังเกตตัวเองเลยว่าหายเครียดได้ยังไง คือไม่ได้ทำงานก็พักผ่อนส่วนมากถ้าได้อยู่บ้านก็ดูหนัง ดูทีวีเป็นประจำ  ผมไม่ได้ชอบหนังแอ็กชั่นอย่างเดียวนะ เรื่องเลิฟแอ็กชัวรี กับนอตติ้งฮิลล์ ก็ดูตลกดี (หัวเราะ) ผมว่าการดูหนังมันได้ประโยชน์ดี ได้เห็นเรื่องราวต่างๆ เห็นโลกที่กว้างดีและต่อไปนี้ผมจะได้ดูหนังมากขึ้นอีกหลายเรื่อง

รับราชการมา 40 ปี ภูมิใจตรงไหนมากที่สุด

      ไม่ทราบเหมือนกัน ถ้าจะให้ผมบอกว่าภูมิใจหรือผมเห็นความสำคัญตรงไหนก็ตอบไม่ได้ ต้องให้คนที่มองเห็นว่าผมทำอะไรให้ประเทศชาติบ้างเป็นคนบอก ถ้าผมบอกว่าภูมิใจอะไรก็คงเป็นการประชาสัมพันธ์ตัวเอง แต่ถ้าตอบจริงๆ ผมก็ยังไม่ภูมิใจอะไรเพราะผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้

ฝากบอกคนที่จะเข้ามาทำงานแทนเราหน่อย 

      คงไม่ฝาก...เพราะเชื่อว่า คนที่มารับหน้าที่แทนเราเขาต้องถูกคัดเลือกพิจารณามาอย่างเหมาะสมแล้ว  มีประสบการณ์ ผ่านงานมาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีความรับผิดชอบขึ้นมาตามลำดับ เวลาจะสร้างสมแต่ละท่านขึ้นมาเอง ต้องยอมรับตามจริงว่าคนที่มารับผิดชอบต่อไปจะต้องเก่ง มีความรับผิดชอบ มีความสามารถเหนือกว่าคนที่ผ่านมา เราจะไปกังวลทำไม

นอกจากอยู่กับครอบครัวแล้วอยากทำอะไรอีกไหม สนใจด้านการเมืองหรือเปล่า?

      ก็แล้วแต่ถ้าใครอยากให้ช่วยให้คำแนะนำอะไร ก็ให้คำปรึกษาได้ แต่ผมไม่ทราบเรื่องการเมือง... ประสบการณ์ทำงานผมอยู่ที่กองทัพ ในการรับตำแหน่งไปเป็นผู้ช่วยทูตทหาร หรือไปเป็น ผบ.กองกำลังทหารไทยในติมอร์ หรือเป็นแม่ทัพ เป็นเสนาธิการต่างๆ ก็เป็นงานทางด้านทหารทั้งสิ้น

มองว่าประชาธิปไตยของบ้านเราทุกวันนี้เป็นอย่างไร

      การพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยและแต่ละประเทศก็มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ ไม่ได้บอกจะจบ ณ ตรงนี้ มันก็เหมือนคนที่พยายามมองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเองอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าทุกคนพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ส่วนรวมก็จะเป็นเรื่องดีที่สุด ผมมักจะบอกกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าให้ทำเพื่อกองทัพ บ้านเมือง และประเทศชาติ แล้วเราจะได้สิ่งตอบแทนที่ดีเอง คิดง่ายๆ ว่าทำให้ส่วนรวม คนที่ได้เขาก็ชอบ แต่ทำให้ตัวเองคนอื่นเขาไม่ได้ ตัวเองได้คนเดียวคนอื่นเขาก็เกลียด

การใช้ชีวิตหลังรั้วทหารกับครอบครัวในบ้านพักส่วนตัว

      ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่เป็นส่วนตัวมาก ไม่ค่อยมีใครสนใจใคร เพื่อนบ้านเป็นชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่ เขาไม่สนใจว่าเราเป็นใคร ไม่มีใครจับตามอง มีสนามกีฬาให้เล่น ผมจะไปว่ายน้ำทุกวัน วันละ 30 นาที ก็พอแล้วในวัยขนาดนี้ (หัวเราะ) กิจกรรมในครอบครัวก็เป็นธรรมดา ปิดเทอมลูกๆ ที่เรียนเมืองนอกกลับมาบ้านก็คึกคัก ดูหนัง ฟังเพลง ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ไปทำบุญกันตามเทศกาล และวันสำคัญต่างๆ

แล้วท่าน ผบ.สส. ดูแลลูกยังไงบ้าง ต้องเป๊ะแบบทหารไหม ?

      ไม่ได้สอน คือให้เขาคิดเองดูเอง แล้วเอาไปปรับใช้ให้ตรงกับอนาคตที่เขาวางไว้ จะสอนอะไรได้ล่ะโลกมันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา สังคมมันจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ เราจะยอมรับหรือไม่มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว ตัวผมเองก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนตามลูกไปเลย แค่เราเดินตามจังหวะ ตามท่วงทำนองที่มันจะเป็นไป เขาอยากเรียนอะไรอยากเป็นอะไรก็ปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่ชอบ อย่างลูกชายจะมาทางคณิตศาสตร์ชอบคิดคำนวณ ไม่อยากเป็นทหารเลยก็ให้เขาเรียนพวกวิศวะที่เขาชอบไป

ถามถึง "น้องแต้" ลูกสาวคนกลางที่เพิ่งเรียนจบแล้วเริ่มทำงานเลย พ่อแม่แนะนำอะไรในชีวิตการงานบ้าง ?

      (หลังจากจบรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น้องแต้ก็เข้าทำงานเป็นฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลในบริษัท CP Merchandising ทันที) ในเนื้องานผมไม่ได้แนะนำอะไรเลย เพราะผมไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) คือการดำเนินชีวิตที่ดี ต้องอยู่และทำงานร่วมกับคนอื่นได้ ทำให้อยู่ในสังคม และเป็นที่ต้องการในสังคม ที่ทำงานและที่องค์กรก็เพียงพอ ตอนนี้เขาก็โตแล้ว มีความรับผิดชอบเดี๋ยวก็จัดการตัวเองได้ลงตัว
  
ถามลูกสาวคนกลาง คุณพ่อและคุณแม่เข้มงวดหรือเปล่า

      ในสายตาตัวเองค่อนข้างโชคดีค่ะ เพราะคุณพ่อจะไม่เข้มงวดเลย ยิ่งพอโตๆ กันแล้วท่านก็จะปล่อย ไปกับเพื่อน ไปเที่ยวไหนก็ไม่เคยว่า ปล่อยจนหลังๆ เราก็ไม่อยากไปซะเอง  แต่ด้วยความที่เป็นลูกของพ่อจะไปไหนมาไหน ไปเจอใคร ก็ต้องระวังตัวระดับหนึ่ง ไม่ให้เสียหายหรือทำให้ท่านเดือดร้อนด้วย ส่วนคุณแม่เราอยู่กันเหมือนเพื่อนเลย คุยได้ทุกเรื่อง คุณแม่เป็นไอดอลแห่งความตลกด้วยนะ (หัวเราะ) ท่านจะรู้จักเพื่อนลูกแทบทุกคน ส่วนเพื่อนๆ แต้ก็จะชอบคุณแม่มากเพราะท่านเป็นคนตลก ไปไหนมาไหนจะปล่อยมุกเล่นกับเพื่อนแต้ตลอด ลูกๆ ก็เลยเป็นแบบนี้ อารมณ์ดีกันหมด (หัวเราะ)

      แม้บทสัมภาษณ์นี้จะไม่เห็นคำพูดจากคุณออฟชัดๆ แต่บรรยากาศที่ครึกครื้นจะเริ่มต้นทุกครั้งเมื่อภรรยาสุดสวยของท่านผบ.สส.ปล่อยมุกสั้นๆ เสริมความสนุกในห้องรับแขก เรียกได้ว่า "พูดน้อยต่อยหนัก" จริงๆ เชียวล่ะ
 
อย่างแรกที่จะทำหลังวันเกษียณ      

      ที่จะทำจริงๆ เลยนะ คือจัดบ้าน (หัวเราะ)  ยังมีของหลายอย่างที่ต้องขนมาจากที่ทำงาน ตอนไปพิธีลาตำแหน่งที่สัตหีบก็ได้ลูกปืนใหญ่มาสองลูกเอามาอยู่ตรงประตูบ้าน ที่เหลือจากที่ต่างๆ ก็กองอยู่ที่โต๊ะทำงาน โต๊ะที่บ้านเต็มไปหมด ยังหาที่วางไม่ได้ ต้องทำที่วางใหม่ให้หมดเพราะเป็นเกียรติประวัติในชีวิต เสร็จแล้วก็จะบินไปอยู่กับลูกเลย  (ก่อนจะมีเสียงเล็ดลอดมาว่าพ่อบ้านท่านนี้มีระเบียบอย่างมากในเรื่องสิ่งของต่างๆ ต้องอยู่เป็นที่เป็นทาง จบประโยคเราก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นอีกครั้ง)

      สีสันของสมาชิกในบ้านเป็นเครื่องรับรองได้ว่าชีวิตหลังเกษียณของอดีตผบ.สส.ท่านนี้ว่าคงไม่มีคำว่าเหงา ตลอดการถ่ายภาพ พล.อ.ทรงกิตติ  มักพูดถึงการตกแต่งบ้านของตัวเองเสมอว่า "บ้านผมไม่มีตรงไหนดีๆ เลย ไม่มีมุมสวยๆ" แต่เจ้าของบ้านคงรู้อยู่แก่ใจว่า บ้านหลังนี้ไม่ได้มีดีที่ของแต่งหรูหรา แต่ความรัก ความอบอุ่น ที่มีอยู่ทุกอณูในที่แห่งนี้ เป็นความสวยงามที่หายากจริงๆ...