ไลฟ์สไตล์

ไหว้เทพเจ้าบนเขาไท่ซาน

ไหว้เทพเจ้าบนเขาไท่ซาน

02 ต.ค. 2554

ชวนเที่ยว : ไหว้เทพเจ้าบนเขาไท่ซาน สู่ กำแพงเมืองจีน http://www.oknation.net/blog/vickie โดย...นพพร วิจิตร์วงษ์

         หากเปรียบขุนเขาเป็นอวัยวะของ "ผันกู่ซื่อ" ร่างอวตารของเทพเจ้า เขาไท่ซานอยู่ตะวันออก (ซานตง) เขาหัวซานอยู่ตะวันตก(มณฑลส่านซี) เขาเหิงซานเหนือ(มณฑลซันซี) เขาเหิงซานใต้(มณฑลหูหนาน) และเขาซงซานอยู่ตอนกลาง(มณฑลเหอหนาน) เขาไท่ซานก็ถือเป็นสูงสุดเปรียบเหมือนศีรษะของผันกู่ซื่อนั่นเอง         

         มาถึงมณฑลซานตง เยือนถิ่นขงจื้อทั้งที แล้วไม่ตามรอยขงจื้อขึ้นยอดเขาไท่ซานก็ดูจะน่าเสียดายยิ่ง  ไหนๆ มีผู้รู้จากอาศรมสยาม-จีนวิทยา ภายใต้การสนับสนุนของซีพีออลล์ ยอมเป็นไกด์พาไปดูธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ด้วยแล้ว        

         เขาไท่ซานแม้ไม่ได้สูงที่สุดในจีน แต่ได้ชื่อว่า เป็น 1 ใน 5 ภูเขาที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อในลัทธิเต๋า ทั้งยังงดงามด้วยสถาปัตยกรรมที่มีประโยชน์ใช้สอยและกลมกลืนกับธรรมชาติ จนได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติในปี 2530 และองค์การยูเนสโกยังให้เขาไท่ซานเป็นมรดกโลกประเภทอเนกประสงค์ 9 อันดับแรกของโลกในอีกปีถัดมาด้วย แล้วแบบนี้ฉันจะพลาดการเดินถึงยอดสูงสุด "ยอดจักรพรรดิหยก" ที่สูงถึง 1,545 เมตร ได้ไง

         ออกจากที่พักต้องไปต่อรถท้องถิ่นที่เชิงเขาไท่ซานเพื่อขึ้นไปยังสถานีกระเช้าไฟฟ้า และก็ต้องรอคนขึ้นจนเต็มคันรถถึงจะออก ระหว่างทางที่รถแล่นเข้าไปในเขตเขาไท่ซาน เห็นถึงความสงบ ร่มเย็นของป่าสนข้างทาง สลับกับธารน้ำตก น่าเสียดายว่ายังไม่ใช่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ไม่เช่นนั้นอาจจะได้เห็นสีเหลืองสวยๆ ตัดกับท้องฟ้าสีคราม มีสายน้ำเป็นฉากเบื้องล่าง   

         ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าจากจุด "จงเทียนเหมิน"ไปถึง "หนานเทียนเหมิน" ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาที่สูงชัน กระเช้าไฟฟ้าที่นี่นั่งไม่กระตุกให้หวาดเสียวเหมือนกับกระเช้าที่ขึ้นไปกำแพงเมืองจีน ตู้หนึ่งก็นั่งกัน 5-6 คน ใครที่ไม่ขึ้นกระเช้าก็มีทางเดินให้ทดสอบพละกำลังด้วยเหมือนกัน ซึ่งอาจจะใช้เวลาขึ้น-ลงหลายชั่วโมงหรือครึ่งค่อนวัน แต่ถ้าต้องบุกป่าฝ่าดงคงใช้เวลาเป็นหลายวันแน่ๆ เพราะดูแล้วมีทั้งป่าเนินราบและเขาสูงชัน ที่ทอดตัวสลับกันไป  กระเช้าไปส่งเราแค่ช่วงเอวของเขาเท่านั้น อ.ก่อศักดิ์ ไกด์กิตติมศักดิ์จากอาศรมสยามฯ บอกมา ที่เหลือก็เดินกันต่อ ใช้เวลาขึ้นลงแบบโอ้เอ้ถ่ายรูปนิดหน่อยไม่เกินชั่วโมง

         ระหว่างทางกระเช้าเคลื่อนผ่านผืนป่า ฉันได้เห็นถึงความสมบูรณ์ของไม้ป่า ผาหิน น้ำตกสูง รวมถึงนก ที่ฉันไม่สันทัดจะจำแนกพันธุ์ จนนึกอยากมีโอกาสอยู่แถวนี้หลายๆ วัน เผื่อเดินผ่านผืนป่าแบบแนบชิด เหมือนตอนเดินป่าเมืองไทย ก็ด้วยเพราะข้อมูลเสี้ยวหนึ่งที่ฉันได้อ่านมา บอกว่าที่เขาไท่ซานเป็นแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์และทรงคุณค่าทางชีววิทยา เพราะมีพื้นที่ป่าปกคลุมถึง 79.9 % แถมเต็มไปด้วยพันธุ์พืชหายาก และพืชสมุนไพรกว่า 144 ตระกูล รวม 989 ชนิด และที่นี่ยังเป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่สำคัญ เพราะเคยขุดพบซากฟอสซิลที่มีประวัติกว่า4 แสนปี

         จากสถานีกระเช้าไฟฟ้า ผ่านตึกแถวที่สร้างขึ้นเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารแล้วยังเป็นโรงเตี๊ยมกลายๆ จนถึงซุ้มประตูสวรรค์ เราเดินตามๆ กันไป จนหายไปกันทีละคนสองคน ตามแรงโน้มถ่วงของโลกที่ดึงแรงจากร่างกายเราไปด้วย โดยเฉพาะช่วงที่ขึ้นบันไดสูงชันในระยะน่าจะไม่ต่ำกว่า 50 เมตรแบบไม่มีพัก ฉันกะระยะไม่ค่อยถูกหรอก แต่แค่เห็นบันไดสูงชันยิ่งกว่าขึ้นตึกหกชั้น ก็ขอหยุดหายใจยาวๆ ก่อนก้าวขึ้นแหล่ะ ระหว่างทางก็มีคนหยุดพักกันเป็นระยะ บางคนแค่ยืน แต่หลายคนขอนั่งบนขั้นบันไดก็มี

         เส้นทางข้างหน้า มีแต่ขึ้นกับขึ้น เหมือนจะเดินขึ้นให้ถึงสวรรค์ จนสุดปลายบันได ถึงศาลเจ้าแม่ไท่ซาน ให้นักท่องเที่ยวแวะสักการะเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกันต่อ ผ่านกลุ่มสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ ไปถึงหน้าผาหินที่จารึกถึงการมาเยือนของจักรพรรดิ ขึ้นบันไดอีกไม่ไกลแต่หลายหอบ ก็ถึงยอดจักรพรรดิหยก ยอดสูงสุดที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ไปไกลสุดหูสุดตา ไม่ว่าจะชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือชมทะเลหมอก ทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม  มิน่าเล่า ถึงมีบันทึกไว้ว่าเมื่อคราวที่ขงจื้อขึ้นไปถึงยอดเขาไท่ซาน ถึงกับอุทาน "ขึ้นเขาไท่ซาน จะเห็นใต้หล้าเล็กลงไปถนัดตา" 

         เขาไท่ซานสูงเป็นอันดับ 3 ของ 5 ขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ของจีน แต่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเขาศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งใหญ่ที่สุดทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งตามความเชื่อ เขาไท่ซานเป็นสัญลักษณ์ของฟ้าและถือเป็นร่างอวตารของเทพเจ้าในส่วนศีรษะเพราะอยู่ทางทิศตะวันออก จักรพรรดิ หรือฮ่องเต้เท่านั้นที่จะมีสิทธิขึ้นไปทำพิธีบวงสรวงกราบไหว้ฟ้าดิน ซึ่งในยุคก่อนสมัยราชวงศ์ฉิน มีหัวหน้าเผ่า ผู้ปกครองรัฐมากถึง 72 คนมาประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดิน และนับตั้งแต่สมัยฉิน (221-202ก่อนคริสตศักราช)ลงมา ก็มีฮ่องเต้มาบวงสรวงไหว้ฟ้าดินมากถึง 12 พระองค์ รวม 27 ครั้ง 

         หลังจากนั่งรับลมริมหน้าผาบนยอดเขาได้ชั่วครู่ ก็ต้องรีบเดินลงเพื่อให้ทันเวลานัดหมาย เราทำเวลากันได้ดีทีเดียว ขาลงนี่เร็วจริงๆ ถ้าเปรียบเหมือนชีวิตขาลงก็ไม่น่าจะผิดนัก ลงได้เร็วโดยไม่ต้องเหนื่อย 

         จากไท่ซาน เราเดินทางกลับเข้าเมืองจี่หนาน เมืองเอกของมณฑลซานตง ไปเก็บเกี่ยวความรู้กับความเก่าแก่ของอารยธรรมจีน ที่พิพิธภัณฑ์ซานตง ที่ภายในโอ่อ่า หรูหรา บรรจุวัตถุโบราณล้ำค่า ก่อนจะเดินทางกลับปักกิ่ง เพราะเป้าหมายของสิ่งที่ยิ่งใหญ่สุดท้ายของเราอยู่ที่กำแพงเมืองจีน หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่บรรจุเรื่องราวประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชนชาติจีนในหินทุกก้อน

         เรื่องราวของกำแพงเมืองจีน หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อของ "จิ๋นซีฮ่องเต้" ผู้สร้างกำแพงเมืองจีน เมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว เพื่อป้องกันข้าศึก ซึ่งเป็นกำแพงที่สร้างกันหลายยุคหลายสมัยกินเวลานับพันปี โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จนเป็นแนวทอดยาว 6,350 กิโลเมตร เป็นมังกรตัวยาวพาดผ่านมณฑลต่างๆ ของจีนกว่า 10 มณฑล จนได้ชื่อว่า "กำแพงหมื่นลี้"  และยังได้ชื่อว่า เป็นสุสานที่มีความยาวที่สุดในโลก เป็นที่กล่าวขานกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนก็คือหนึ่งชีวิตของแรงงานผู้ก่อสร้างกำแพง  ตลอดความยาวของกำแพงเมืองจีน จะมีหอสังเกตุการณ์กว่าหมื่นแห่ง ส่วนวัสดุก่อสร้างก็ตามแต่ละราชวงศ์และท้องถิ่น บางส่วนเป็นดิน หิน ไม้ บางแห่งเป็นหินแกรนิต รวมถึงโคลนที่เริ่มผุพัง แต่ส่วนที่เราเห็นกันทุกวันนี้ สร้างขึ้นใหม่ในราชวงศ์หมิง

         ออกจากกลางกรุงปักกิ่ง ที่จริงๆ แล้วชาวจีนจะออกเสียงว่า"เป่ยจิง"  ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจาก"เป่ยผิง" ครั้งหลังสุดก็สมัยที่พรรคคอมมิวนิสต์สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เรามุ่งหน้าไปยัง ปาต๋าหลิ่ง ซึ่งเป็นช่วงสำคัญทางยุทธศาสตร์ของกำแพงเมืองจีน อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 80 กม. ทุนแรงด้วยกระเช้าขึ้นไป แต่นักท่องเที่ยวเยอะมาก รอคิวยาวทั้งขึ้นรถบัส ไปต่อกระเช้า แถมมีเบียดเสียดกัน พอลงจากสถานีกระเช้าที่อยู่ใกล้ป้อม 8 ที่เป็นจุดสูงสุด ก็เจอกับผู้คนมหาศาลขนาดว่าไม่ต้องเดินแต่ไหลตามกันไป หากเป็นการไหลขึ้นที่สูง ฉันเลยเลือกเดินลงอีกทาง แต่ใช่ว่าคนจะน้อย เพราะถึงจุดที่ขึ้นไปในบนกำแพงก็เจอคนแน่นเช่นกัน หันไปดูป้อมแปดอีกที ราวกับเป็นกำแพงคน ขนาดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่มหัศจรรย์ที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็ว่าได้ 

         จากขุนเขาไท่ซาน มาจบที่กำแพงเมืองจีน สองความยิ่งใหญ่ที่ดูเหมือนอะไรก็เป็นไปได้ภายใต้น้ำมือมนุษย์ อยู่ที่จะเสริมสร้าง ... หรือทำลาย

..............

(หมายเหตุ : ชวนเที่ยว : ไหว้เทพเจ้าบนเขาไท่ซาน สู่ กำแพงเมืองจีน http://www.oknation.net/blog/vickie โดย...นพพร วิจิตร์วงษ์)