Lifestyle

'ตือ'สมบัษร กับโบนัสแห่งชีวิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไฮฮอตวันเสาร์ 'ตือ'สมบัษร กับโบนัสแห่งชีวิต

      นาทีนี้หากจะให้นึกถึงออกาไนซ์มือทองของไทย ชายร่างเล็กนามว่า "ตือ" สมบัษร ถิระสาโรช ต้องติดอยู่ในโผเป็นลำดับต้นๆ แน่ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่เขาจะต้องวิ่งวุ่น วนเวียนอยู่กับงานอีเวนท์ทั่วราชอาณาจักรตลอดทั้งสัปดาห์ แม้กระทั่งนัดแนะให้ "คม ชัด ลึก" เข้าไปล้วงลึกถึงตัวตนที่แท้จริง เจ้าตัวยังนัดให้ไปคุยกันภายในงานเปิดตัวแคมเปญ ลีวายส์ โก โฟลท ที่เสนาแวร์เฮาส์ สุขุมวิท 50 เล้ย...แถมระหว่างคุยสองมือของเขายังไม่วาย ต้องหยิบโน่นจับนี่ทำนั่นอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าทุกวินาทีของเขาต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด...และแม้จะยุ่งกับงานมากแค่ไหน แต่ก็ยังจัดเวลาให้ลงตัว สำหรับการแปลงโฉมเป็นอาจารย์พิเศษสอนนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ควบคู่ไปด้วย

เวลารับจัดงานต้องเอาใจลูกค้ามากน้อยแค่ไหน 

      ต้องดูแลใจคนที่มาจ้างเรามากกว่า ไม่ใช่คำว่า "เอาใจ" แต่ใช้คำว่า "ดูแลใจ" ที่เราได้ดีทุกวันนี้เพราะอาจารย์สอนมา เราเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์กุ๊กกี้ (ทินกร อัศวรักษ์) จะฟังเขาตลอด ที่เริ่มต้นได้ดีทุกวันนี้เพราะอาจารย์ให้โอกาส และสอนเสมอว่าลูกค้าจัดงานปีละครั้ง เขาต้องมีความสุขที่สุดที่ให้เราจัดงาน ดังนั้นถ้าเกิดว่าจัดงานแล้วเรามีความสุข แต่ลูกค้าไม่มีความสุข ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะจริงๆ แล้วการจัดงานมีปัจจัยหลายอย่าง แต่ที่สำคัญคนที่เขามาว่าจ้างเรา เขาต้องได้รับความสุขกลับไป นั่นเป็นสิ่งที่เรายึดมาตลอด

ยากแค่ไหนกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้

      อาชีพนี้ต้องใช้ความอดทนสูง อันดับแรกเราต้องบอกตัวเองเสมอว่า เป็นอาชีพที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ ทำให้เรามีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นต้องรักอาชีพนี้ให้มากที่สุด คนทำงานนี้ต้องรักในงานศิลปะ มองโลกในแง่ดี และต้องพยายามที่จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้แล้วจะทำงานได้ดี เมื่อไรที่ได้ทำงานต้องบอกตัวเองว่า คุณมีความสุขที่ได้ทำ ถ้าไม่มีความสุขในการทำงาน ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะทำเพื่อหาเงินในชีวิตนี้

      ความสุขของเราไม่ได้ต้องการทำงานแล้วหาเงิน เมื่อก่อนอาจจะใช่ในวันแรกๆ ที่เปิดบริษัทเราต้องการมีเงิน แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่แล้ว วันหนึ่งเราพอมีกินมีใช้ เราเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่เราจะอยู่ได้ คือ "การให้" การให้เป็นความสุขที่แท้จริง รู้สึกว่าการให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ต้นทุนของการให้คือความจริงใจ กำไรเป็นใจเต็มๆ เราหางานหาเงินมากระจายรายได้ให้ทุกคน ทั้งนางแบบ ช่างหน้า ช่างผม แม่บ้าน ช่างฉาก ทุกคนสามารถเอาเงินไปช่วยเหลือครอบครัวตัวเอง ไปช่วยเหลือสิ่งต่างๆ ได้ เลยรู้สึกว่าที่สุดของชีวิต เราไม่ได้ต้องการมีเงิน แต่ต้องการมีความสุขกับคนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบข้างเรามีความสุข
 
ทำอาชีพนี้มากี่ปีแล้ว

      เข้าปีที่ 15 แล้ว งานที่ประทับใจเยอะมากจริงๆ งานทุกงานจะมีตัวตนของมัน ทุกวันนี้พอใจผลงานที่ออกมาดีได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ถามว่าเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตเราหรือเปล่า ดีมากถือว่าเราโชคดีเพราะแพ็กเกจนี้ มีเพื่อนดี มีงานดี มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น สิ่งต่อไปที่จะเกิดในอนาคตเราถือเป็นโบนัสแล้ว ทุกวันนี้พอใจมากถ้าตายไป ถือว่าคุ้มแล้วกับชีวิตนี้ รู้สึกว่าเกิดมาไม่เสียชาติเกิดเลยกับชื่อตือแพ็กเกจนี้

นอกจากเป็นออกาไนซ์แล้วยังเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาด้วย

      ทุกวันนี้ทำหลายอย่างเพราะมีความสุข อย่างที่บอกเป็นครูสอนหนังสือมา 20 กว่าปีแล้วสอนตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ มีความสุขกับการให้ เหมือนเราถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนอื่น ดีกว่าที่จะเก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวเอง นักเรียนในห้องมี 200 คน มีหนึ่งคนในห้องซึมซับสิ่งที่เราสอนไปก็ถือว่าคุ้มแล้ว เลยเลือกที่จะมีชีวิตแบบนี้ และเลือกแล้วที่จะให้ตัวเองเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่น เวลาสอนจะเน้นการทำเวิร์กช็อป พยายามให้เขาเรียนรู้กับเราให้มากที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด

ที่ผ่านมามีหลายคนมองว่า "ตือ" สมบัษร เป็นคนแรงมาก

      ต้องยอมรับเป็นคนพูดจาตรง และเป็นคนพูดจาเสียงดัง แต่ปัญหาการพูดจาเสียงดังเพราะเราเป็นคนหูตึง (หัวเราะ) นี่คือความลับที่ไม่มีใครรู้ เพราะตอนเด็กๆ คนจะเล่นประทัดในวันลอยกระทงแล้วมันระเบิดข้างๆ หู เราเลยต้องพูดเสียงดังแต่จริงๆ แล้วเราหูตึง พอพูดเสียงดังเลยเป็นความเคยชินตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ และการเลือกพูดตรงๆ เพราะจะปิดความวุ่นวายได้ง่ายสุด และเชื่อว่าความจริงใจเป็นเกราะป้องกันตัว คนไม่รู้จักจะรู้สึกกลัวไม่กล้าคุย แต่ถ้าได้มาคุยจริงๆ แล้วเราไม่มีอะไร เป็นคนปกติทำงานมีชีวิตที่มาตามหาความฝันในกรุงเทพฯ ซึ่งเราได้เจอแล้วและเชื่อว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ให้โอกาสเรา เรามีความสุขกับเมืองนี้ สิ่งที่จะทำได้กับเมืองนี้ประเทศนี้ คือ ต้องคืนอะไรให้แก่สังคมบ้าง นี่คือสิ่งที่เราบอกตัวเองว่า วันหนึ่งถ้าเรามีพร้อมเราต้องคืนให้

อะไรคือจุดเปลี่ยนในชีวิตที่คิดว่าจะต้องคืนให้แก่สังคม

      มีวันหนึ่งทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก นั่งพักอยู่คนเดียวแล้วซินดี้ (สิรินยา บิชอฟ) ก็เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า พี่ตือเหนื่อยใช่มั้ย ก็ตอบไปว่าเหนื่อยมาก แต่ไม่อยากพูดคำว่าเหนื่อยเพราะพูดคำว่าเหนื่อยแล้วมันไม่ดี ไม่อยากพูดคำว่าจน คำว่าลำบาก เพราะพ่อแม่สอนไม่ให้พูดคำไม่ดีเหล่านี้ แต่เหนื่อยจริงๆ ซินดี้เลยบอกว่า พี่รู้มั้ยว่าสิ่งที่พี่ทำทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว พี่ทำงานหางานมาเลี้ยงพวกหนู ทำให้พวกหนูมีเงินมีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว ฟังแล้วร้องไห้เลย และขอบคุณซินดี้ว่าเธอมาจุดประกายให้ฉันว่า สิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่ฉันต้องอยู่และฉันต้องอยู่เพื่อสิ่งนี้ หลังจากนั้นก็มาเจอแม่บ้านชื่อโอ่งอีกคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เลยรู้สึกว่าถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมาแม่บ้านคนนี้เขาจะเอาเงินที่ไหนมารักษาพยาบาล ต้องขอบคุณทั้งซินดี้และแม่บ้านโอ่ง ที่ทำให้ชีวิตมีพลังขึ้นมาและรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

ถ้าเด็กรุ่นใหม่อยากเป็นแบบนี้ "ตือ" สมบัษร ต้องทำอย่างไรบ้าง

      จะบอกทุกคนเสมอว่าอย่าอยากเป็นเหมือนใครแต่ให้จำสิ่งที่เขามีดี แล้วนำมาปรับให้เข้ากับตัวเอง เพราะคุณไม่สามารถที่จะมีชีวิตเหมือนเขาได้ แต่จงเป็นตัวเองให้มากที่สุด ถามว่าอยากเป็นเหมือนใครหรือเปล่า ไม่อยากเป็นเหมือนใครแต่อยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในตัวเราถ้าเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นถือว่าคุ้มแล้ว การจะเริ่มต้นอาชีพนี้ต้องบอกเลยว่าอยากทำและมั่นใจว่าทำได้ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์ สร้างอะไรใหม่ๆ อ่านหนังสือเยอะๆ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ท ทำทุกอย่าง คุณต้องรู้เรื่องเหล่านี้ให้มากที่สุด แล้วนั่นแหละจะทำให้ทุกอย่างหล่อหลอมมาเป็นตัวคุณได้ สไตล์ก๊อบปี้กันไม่ได้แต่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นได้ เพราะต่างคนต่างมีจุดยืนของตัวเอง

วันว่างจากงานทำอะไรบ้าง

      จะพูดคำเดิมว่าเราไม่ได้มีชีวิตแตกต่างจากคนอื่นเลย จะพูดกับเพื่อนรักเสมอว่า ทำไมก็ไม่รู้เราไม่เคยมีความรู้สึกว่าเราแตกต่างจากคนอื่น เราก็ยังใช้ชีวิตทำงาน เลิกงานก็กลับบ้าน ไปเที่ยวกับเพื่อนกับแฟน อยู่กับเพื่อน อยู่บ้านเลี้ยงแมว วันหยุดไปวัด ไปจตุจักร ไปกินอาหารข้างถนน เราจะแบ่งชีวิตของตัวเองว่างานคืองาน หลังเลิกงานชีวิตเป็นของเรา คือ โดนสอนจากพ่อแม่ว่า เราต้องเป็นคนตัวเล็กที่สุด ชีวิตเราคนต้องจับต้องได้ ถ้าเมื่อไรลอยขึ้นฟ้าเราจะไม่มีเพื่อน เลยเลือกที่จะอยู่กับเพื่อน

อยากให้พูดถึงแฟนสักนิด

      แฟนเป็นชาวต่างชาติคบกันมา 8 ปีแล้วปีนี้เข้าปีที่ 9 อายุเขาน้อยกว่าเรา 22 ปี แต่คบกันด้วยการใช้ชีวิตเธอ ชีวิตฉัน ชีวิตเรา ไม่เคยทะเลาะกันเลย ให้กำลังใจกันและบอกรักกันตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่รู้สึกดีเสมอ คือ การที่เขาโทรบอกรักเราทุกวัน และส่งข้อความบอกรักเราก่อนนอนทุกคืน คือความสุขที่เรารู้สึกว่าเราโชคดีในสิ่งนี้ เขาเป็นกำลังใจให้เราทุกเรื่อง ไม่ว่าเราจะสุข เศร้า หรือยังไงเขาอยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่เคยทิ้งเราเลย เคยพูดกันว่าถ้าวันหนึ่งเราต่างหายไปจากโลกนี้เราจะไม่เสียใจ เพราะคุ้มแล้วที่ได้รู้จักเขา

ณ ตอนนี้ยังมีอะไรที่อยากทำอีกหรือเปล่า

      บอกตรงๆ ชีวิตนี้ไม่เคยคาดหวังอะไรมาก สิ่งหนึ่งที่อยากได้ คือ มีเงิน มีชื่อเสียง แต่ ณ วันนี้ไม่อยากได้อะไรเลย คิดแค่ว่าทำวันนี้ให้มีความสุข ไม่กังวลกับอนาคต เวลาเครียดเราจะหันมาบอกกับตัวเองเสมอว่า จะเครียดไปทำไมไม่ต้องการมีเพื่อนเป็นมะเร็ง มันคืองาน งานของเราคือการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นเมื่อเลือกแล้วต้องไม่เครียดถ้าเครียดเมื่อไรแปลว่า สร้างปัญหาให้ตัวเอง แล้วเราจะไม่สร้างปัญหาให้ตัวเองแน่นอน...

      และนี่...คือ บทสรุปสั้นๆ ของการใช้ชีวิตบน "ความสุข" ที่มาพร้อมกับ "การให้" ของ "ตือ" สมบัษร ถิระสาโรช... 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ