ไลฟ์สไตล์

'ความในใจของข้าพเจ้า'ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์

'ความในใจของข้าพเจ้า'ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์

27 ส.ค. 2554

ทรงถ่ายทอดความในพระทัยอย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

        นับเป็นพระกรุณาธิคุณของชาวไทยทั่วทั้งประเทศ ที่จะได้ชื่นชมพระจริยวัตรใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงถ่ายทอดความในพระทัยอย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ผ่านตัวอักษรในพระนิพนธ์ "ความในใจของข้าพเจ้า" พร้อมกันนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในฐานะเจ้าฟ้าของแผ่นดิน และทรงเป็นลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จึงทรงแสดงธรรมะบรรยาย ตามหลักของหลวงตามหาบัว พระราชทานแก่ผู้เฝ้ารับเสด็จในงานเปิดตัวพระนิพนธ์ด้วย

        "สิ่งที่ข้าพเจ้านำมาพูดในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นคำสอนของข้าพเจ้าเอง แต่เป็นคำสอนของ หลายหลวงปู่ หลายหลวงตา ซึ่งข้าพเจ้าได้มีโอกาสสัมผัส และคำสอนส่วนใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์เป็นของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์อยู่ 15 ปี จนท่านละสังขารเมื่อเดือนมกราคมปีนี้

        คนเรานี้หลวงตาท่านสอนว่าควรจะอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ ตอนนี้แหละเดี๋ยวนี้แหละทำให้ดีที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดและถึงเวลานอนก็บอกตัวเองว่าตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว เรื่องอะไร งานการอะไรที่จะคิดวางเอาไว้ก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดกันใหม่ อันนี้เป็นหลักหนึ่งของข้าพเจ้าที่ทำให้ยิ้มได้ทุกวัน อีกอันหนึ่งต้องพิจารณาและการละวาง อันนี้พูดง่ายๆ ว่าเราทุกคนต้องมีสิ่งขอใช้คำว่า กระทบใจ เช่นว่า เสียงร่ำลือบ้างอะไรบ้าง ข่าวลือว่าคนนั้นว่าเราดีหรือคนนั้นว่าเราชั่วยังไง สิ่งกระทบใจนี้ต้องบอกว่ามีทั้งที่เราชอบและไม่ชอบ ซึ่งเราไม่สามารถจะไปบังคับใจคนอื่นเขาได้ ถ้าสิ่งที่เราไม่ชอบมากระทบใจทำยังไงดี หลวงตาท่านสอนว่าต้องพิจารณา พิจารณาในความหมายของหลวงตา คือ พิจารณาตัวเองหลวงตาบอกว่าอย่านำจิตแสส่ายออกไปข้างนอก ให้นำจิตกลับเข้ามาที่ตัวเองและพิจารณาตัวเอง"  
 

        ในชีวิตประจำวันทูลกระหม่อมทรงปฏิบัติธรรมอย่างไรบ้างในวิถีชีวิตประจำวัน

        ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตอนค่ำมากกว่าที่มีโอกาสได้นั่งสมาธิ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้ทำดีเลยตั้งแต่เช้า ทุกวันนี้ตั้งใจทำดี ทำดีที่สุด นี่เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดเพราะออกไปทำหน้าที่หน่วยแพทย์อาสาของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพิ่งกลับมาเพราะฉะนั้นทุกวันนี้ได้ช่วยคนไข้ ตามที่ช่วยคนไข้ได้แต่ละคนนั้น มันปลื้มปีติอยู่ในใจ แต่ทุกวันจะต้องมีเวลาค่ำๆ ที่จะสงบจิต สงบใจ บางทีก็สวดมนต์ บางครั้งวันเสาร์อาทิตย์ถ้าว่างโดยมากจะขึ้นไปที่วัด สมัยที่หลวงตาอยู่จะขึ้นไปที่วัดป่าบ้านตาด แล้วก็ตอนเช้าจะตักบาตร ตักบาตรเสร็จให้ไปนั่งกับหลวงตาและรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับที่หลวงตาและพระในวัดฉันเช้า เพราะวัดป่าที่ข้าพเจ้าไปมาตลอด

        แม้แต่เดี๋ยวนี้ที่ข้าพเจ้าย้ายไปวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ก็เป็นวัดป่าพระจะฉันมื้อเดียวคือมื้อเช้า และเมื่อฉันเช้าเสร็จธรรมดาแล้วหลวงตาจะแสดงธรรมตอนเช้าให้บรรดาญาติโยมที่มาฟังธรรมอยู่ แล้วหลังจากนั้นถ้าหลวงตาท่านว่าง จะเป็นช่วงที่ข้าพเจ้าเข้าไปสนทนาธรรมกับหลวงตา คือ มีอะไรที่สงสัยเป็นปัญหาคาใจก็จะถามท่านตอนนั้นที่กุฏิของท่าน และตอนเย็นจะมีทำวัตรเย็น จากนั้นก็แยกย้ายไปตามกุฏิเพื่อนอน กุฏิของข้าพเจ้าเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างก็โล่งๆ มีห้องเล็กๆ ห้องเดียว นอนกับพื้น มีห้องน้ำเท่านั้น ก็ขอเล่าเกร็ดนิดหนึ่งว่า ตอนที่สร้างกุฏิวันแรกนี่จะเอาของเข้าไปเก็บ เปิดตู้ปั๊บตกกะใจ มีตุ๊กแกอยู่ในตู้ 40 ตัวตัวใหญ่มาก ตุ๊กแกวัดป่าบ้านตาดสมบูรณ์พูนสุข

        ข้าพเจ้าก็ใช้เวลาว่างเสาร์อาทิตย์หรือวัดหยุดทางศาสนา หรือถ้าหากไม่มีกรณียกิจที่ต้องทำแทนพระเจ้าอยู่หัว ก็จะขึ้นไปที่วัด เมื่อก่อนไปวัดป่าบ้านตาด ตอนนี้ก็ไปที่วัดนาคำน้อย อยู่ในอุดรธานี แต่อยู่ไกลออกไปจากสนามบินต้องนั่งรถไปอีกประมาณชั่วโมงครึ่งถึงจะถึงวัดนาคำน้อย

จากวันแรกที่ทูลกระหม่อมได้พยายามนั่งสมาธิจนคิดว่าทำได้แล้วใช้เวลานานหรือเปล่า

        นานเป็นอาทิตย์ค่ะ การที่จะรวบรวมจิตได้ ไม่ได้ปุ๊บปั๊บหรอกค่ะ เพราะจิตคนเราอย่างที่บอกแล้วเหมือนลิง คือว่าเราคิดว่าเราใช้พุทโธ ตอนที่นั่งใหม่ๆ หลวงตาเอาไปนั่งต่อหน้าท่านที่กุฏิท่าน แล้วใหม่ๆ ท่านก็บอกว่าปากก็ร้องพุทโธๆ แต่ใจแล่นไป 7 ทั่วทวีปแล้วท่านว่าอย่างนั้น เอาใหม่ให้นิ่งจริงๆ แล้วท่องพุทโธๆ ก็ใช้เวลาพอสมควร เริ่มต้นแนะนำว่าไม่ให้เกิน 5 นาทีถ้า 5 นาทีเอาอยู่ดีมากแล้วค่ะ

ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ตื่นเช้าออกมาทำงานมีการแข่งขันรีบเร่งกันทุกวัน เราจะมีธรรมะข้อใดทำให้เราเจริญสติมีสติการทำงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในเรื่องของการทำงาน

        อันนี้เราต้องเตือนใจตัวเอง จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับสติการที่เราจะทำอะไรตั้งแต่ตื่นมาจนนอนต้องมีสติอยู่ตลอด ที่บอกว่าต้องแข่งขันกันมาตื่นเช้าต้องออกมาทำงานตั้งแต่ทำกิจวัตรในบ้านขับรถออกมาทำงานต้องขับอย่างมีสติอย่ารีบร้อนจนเกินไป เพราะการรีบร้อนบางครั้งทำให้ขาดสติ พอขาดสติทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องมีสติว่าเรากำลังขับรถทำอะไรขอให้ยึดทางสายกลางอย่ารีบเร่งจนเกินไป อย่าเอื่อยเกินไป

        ทุกอย่างทางสายกลางจะเป็นของดีที่สุดและไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนมาจนเข้านอนตอนค่ำ และการทำงานนี้ถ้าจะทำได้คุณภาพดีถ้ามีสติ มีความตั้งใจ และข้อสำคัญคือต้องไม่ขี้โกงกับตัวเองต้องรู้ใจเราว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และงานที่ทำทำแล้วดีจริงมั้ยพิจารณาดู คือ ต้องมีสติถ้ามีสติกำกับแล้วรู้ตัวอยู่ตลอดแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนจะทำงานได้ดี

ทุกครั้งทำงานกันอาจจะมีเกเรบ้าง เหนื่อยบ้าง ไม่อยากไปบ้าง ไม่สบายบ้าง ทูลกระหม่อมทรงงานไม่ว่าจะเป็นภารกิจต่างๆ หมายกำหนดการต่างๆ ทูลกระหม่อมทรงงานหนักขนาดนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะขณะนี้ที่กำลังประชวร อันนี้อยากทราบว่าพระองค์ท่านมีพลังใจอย่างไรให้ภารกิจต่างๆ สำเร็จลุล่วง

        จริงๆ แล้วพลังใจใหญ่ของข้าพเจ้าที่จะทำงานให้ลุล่วงได้ด้วยดีทุกประการนี่ พลังใจใหญ่มีอยู่ 3 พระองค์ด้วยกัน องค์แรกคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ที่สอง คือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะว่าตั้งแต่เด็กมาเห็นตัวอย่างจากพ่อจากแม่ ที่ทำงานทุกอย่างเพื่อประชาชนอันนี้เป็นแรง ตอนเด็กๆ ไม่เข้าใจหรอก พอโตขึ้นมาเข้าใจเข้าทุกทีว่าคนเรานี่ แก่นสารของชีวิตอยู่ที่ว่าเราทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ได้แค่ไหน

        อันนี้เป็นแก่นสารของชีวิตและยิ่งเราทำให้เพื่อนมนุษย์ได้แค่ไหน เป็นความปลาบปลื้มที่ย้อนเข้ามาหาเราทำให้มีพลังใจยิ่งขึ้นที่จะทำ

        องค์ที่ 3 ที่เป็นแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าคือหลวงตามหาบัว ท่านเป็นพ่อบุญธรรม ทั้ง 3 องค์นี้ข้าพเจ้าดูมาท่านทำเพื่อส่วนรวมตลอด หลวงตามหาบัวมีคนเอาเงินมาบริจาคมากมาย ท่านไม่เคยเก็บไว้กับตัวเองเลย หลวงตาเอาไปให้สร้างโรงพยาบาลสำหรับพระบ้าง เอาไปสร้างโรงพยาบาลสำหรับประชาชนบ้าง เอาข้าวของเช่นอาหารแห้ง ข้าว ไปให้กับวัดที่ยากจนบ้าง เอาไปให้กับหมู่บ้านที่ยากจนบ้าง คือ หลวงตาทำอะไรไม่เคยเพื่อตัวเองเลย เพื่อโลก เพื่อประชาชนเท่านั้น จะเห็นว่าแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าทั้ง 3 พระองค์นี้ท่านไม่เคยทำเพื่อตัวเอง ท่านทำเพื่อส่วนรวม และในเมื่อข้าพเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

        ตอนนี้พูดตรงๆ ท่านแก่แล้วจะให้ท่านไปตรากตรำตามชายแดนเหมือนแต่ก่อนเห็นจะไม่ได้ ท่านไม่ได้บังคับข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของทั้งสองล้นเกล้าฯ และเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นลูกบุญธรรมที่จะเผยแพร่ความดีของหลวงตามหาบัวด้วย แล้วก็เป็นการเมตตาเพื่อนที่ยากไร้กว่า 

        แต่ข้าพเจ้าอย่างที่บอกกับวู้ดดี้ว่าตอนแรกข้าพเจ้ากลัวเหลือเกินว่าจะมาในวันนี้ไม่ได้ เพราะ 3 วันที่แล้วที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่กระบี่ พังงา และภูเก็ตนั้น จริงๆ แล้วข้าพเจ้าไม่สบายตั้งแต่ต้น ข้าพเจ้าเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือที่พูดแบบคนไทยเป็นโรคเดียวกับพุ่มพวง คือ ข้าพเจ้าเป็นแบบซิสเต็มมิกคือทั้งร่างกาย จะแอทแทคส่วนไหนก็ได้

        แต่หลายปีมานี้แอทแทคที่กระดูกเป็นส่วนใหญ่ กระดูกมือนี้บวมไปหมด เจ็บปวดมาก 3 วัน ข้าพเจ้าใช้ฉีดยาแก้ปวดแล้วทำงานเอา กลับมาถึงกรุงเทพฯ มาในสภาพแย่เต็มทนเพราะปวดจนทนไม่ไหว หมอให้ฉีดสเตียรอยด์บล็อกเอาไว้ไม่ให้มันเป็นมากไปกว่านี้และฉีดยาแก้ปวดด้วย เป็นอุปสรรคเหมือนกันแต่ข้าพเจ้าคิดว่าจะต้องข้ามมันให้ได้

        ข้าพเจ้าตั้งใจว่าไม่ว่าจะเป็น แต่จะพยายามทำงานตามเจตนารมณ์จริงๆ แล้วหมอบอกให้พักตั้งแต่วินาทีนี้ เมื่อคืนคุณหมอต่างๆ มาเต้นอยู่ข้างๆ เตียงบอกว่าให้พัก ก็บอกเขาบอกว่า อาจจะลาพักได้ราวๆ เดือนกันยายน แต่ตอนนี้จะให้ปุ๊บปั๊บไม่ทำงานไม่ได้ ต้องดูว่าเคลียร์งานได้ตรงไหนแล้วค่อยพัก หมอก็บอกว่าพักสั้นจัง ก็บอกเขาบอกว่ามีเวลาแค่นั้นแหละก็ดีกว่าไม่ได้พักเลยไม่ใช่หรือ หมอก็บอกว่าตามใจแค่นี้ก็แค่นี้ จริงๆ แล้วความลับอีกอย่างการที่เรานั่งสมาธิคือสงบนิ่ง ร่างกายเราได้พักไปด้วย เป็นเคล็ดที่ควรทำอย่างยิ่ง

        อันนี้คงจะเป็นคำตอบว่ามีเคล็ดลับอย่างไร มี 3 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และหลวงตามหาบัว ทั้ง 3 พระองค์นี้เปรียบเสมือนธงชัยที่นำให้ข้าพเจ้าทำงาน ทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจอีกอย่างหนึ่ง ความรัก ความห่วงใย ที่เพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้ามีให้ข้าพเจ้าอย่างเวลาออกไปเจอประชาชน ประชาชนมีความรักให้มากมาย อันนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าอย่างยิ่งอีกเหมือนกัน

ธรรมะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนและเน้นให้ทูลกระหม่อมดำรงอยู่เสมอๆ คืออะไร

        สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนเน้นหนักว่าให้มีสติและสำคัญที่สุดให้รำลึกรู้ในหน้าที่ที่ตัวเองมีในฐานะข้าพเจ้าเกิดเป็นลูกของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั้น ให้รำลึกรู้ถึงหน้าที่ที่มีต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านบอกว่าพวกเราอยู่ได้เพราะประชาชน เพราะฉะนั้นต้องทำทุกอย่างเพื่อประชาชนคนไทย