ไลฟ์สไตล์

ก่อนพบช่างเกียร์ออโต้

ก่อนพบช่างเกียร์ออโต้

21 ส.ค. 2554

เทคนิคดูแลรถคู่ใจของคุณ ปัญหาที่ว่าจุกจิกก็จะกลายเป็นแสนจะง่ายดายเมื่อเข้าใจในรถที่ขับ

            รู้เรื่องเกียร์กันไปพอสังเขปแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายการตรวจดูสภาพเกียร์ด้วยตนเองก่อนที่จะพาไปหาช่าง ปกติแล้วเกียร์ออโต้ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามปัญหาจุกจิกแบบสามวันดีสี่วันไข้จะไม่ค่อยได้พบเห็นกันยกเว้นแต่ว่าเกียร์ออโต้ลูกนั้นผ่านการซ่อมการดัดแปลงมาหลายครั้งแล้ว

             เกียร์ที่ใช้อยู่เป็นประจำตรวจตราดูแลกันตามสมควรกว่าจะเสียเงินซ่อมเกียร์ก็ว่ากันที่หลักแสนกิโลเมตรกันไปแล้ว อย่างไรก็ตามรถที่ใช้มานาน คนใช้รถก็ควรจะรู้วิธีตรวจอาการของเกียร์ด้วยตนเอง

             อาการที่บ่งบอกว่าเกียร์จะต้องถึงมือช่างนั้นก็ดูกันไม่ยาก แต่ก่อนที่จะเริ่มตรวจเกียร์ต้องแน่ใจก่อนว่าเครื่องยนต์อยู่ในสภาพพร้อมสมบูรณ์ตามสมควร ระดับน้ำมันเกียร์ต้องอยู่ในปริมาณที่ถูกต้อง หลายคนละเลยที่จะตรวจวัดระดับน้ำมันเกียร์หรือไม่รู้ว่าจะตรวจกันอย่างไรเมื่อไร ผมคงไม่เอามาบอกกล่าวซ้ำอีกแล้ว เริ่มกันที่อาการที่บ่งบอกว่าเกียร์มีปัญหาต้องเข้าหาช่างก็เริ่มกันที่

             เข้าเกียร์DหรือR แล้วรถไม่ค่อยอยากจะออกตัว อาการนี้เป็นกันบ่อยเป็นกันมาก หลายคนใจเสียว่าอาการแบบนี้แหละต้องผ่าเกียร์กันแล้ว ที่จริงก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นกันเสียทั้งหมด เมื่อเข้าเกียร์แล้วรถไม่อยากไป หลายครั้งที่รถขับเข้าไปหาผม ตรวจเจอแต่เพียงว่าน้ำมันเกียร์มีปริมาณน้อยกว่าปกติหรือน้ำมันเกียร์แห้ง

             การแก้ไขก็ทำได้ง่ายๆ เพียงเติมน้ำมันเกียร์ (ที่เกรดถูกต้อง) ตามปริมาณตามที่กำหนด เกียร์ก็จะกลับคืนมาใช้งานได้อย่างเดิม มีข้อแม้ว่าเมื่อเติมน้ำมันเกียร์ถูกต้องแล้วต้องเข้าหาช่าง และหาเหตุให้พบว่าน้ำมันเกียร์หายไปไหน หายได้อย่างไร เมื่อพบสาเหตุแล้วก็แก้ไข เท่านี้ เกียร์ลูกนั้นก็จะใช้ได้อีกนาน

             เครื่องร้อนแล้วเกียร์อืดเหมือนแรง ตกเกียร์เปลี่ยนช้า ก็ต้องดูที่คุณภาพของน้ำมันเกียร์และที่สำคัญระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เพราะน้ำมันเกียร์จะระบายความร้อนจากระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เครื่องร้อน เกียร์ก็จะร้อน เกียร์ร้อนน้ำมันเกียร์คุณภาพก็จะเปลี่ยนไป เมื่อคุณภาพน้ำมันเกียร์เปลี่ยนการทำงานก็จะบกพร่อง(น้ำมันเกียร์ร้อนความข้นใสจะไม่คงที่ถ้าใสมากเกียร์จะลื่นเหมือนรถไม่มีแรง) ก็แก้ไขตั้งแต่จุดเริ่มต้นคือเครื่องยนต์(เครื่องร้อน)แล้วเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เข้าเกียร์เกียร์กระชากแรงเหมือนมีรถมาชนท้าย ส่วนมากแล้วจะเกิดจากการรั่วการอุดตันภายในเกียร์ โดยเฉพาะสมองเกียร์

             ถอดสมองเกียร์ออกล้างทำความสะอาด(งานนี้ไม่จำเป็นต้องยกเกียร์ผ่าเกียร์)เปลี่ยนชุดซ่อมเฉพาะชุดวาล์วบอดี้ ก็แค่นั้นสำหรับอาการนี้

             กรณีรถวิ่งแล้วเกียร์หาย(ส่วนมากเกียร์สูงสุดD4หรือD5) เกิดจากการรั่วภายในชุดเกียร์ต้องยกเกียร์ผ่าเกียร์เปลี่ยนชุดซ่อมภายในเกียร์

             เกียร์เปลี่ยนช้า(ลากเกียร์)เกียร์เปลี่ยนเร็ว(ไม่มีแรง) ส่วนใหญ่จะเกิดจากการปรับตั้งสายเกียร์(หย่อนเปลี่ยนเร็ว ตึงเปลี่ยนช้า) เข้าเกียร์แล้วรถไม่ออกต้องติดเครื่องทิ้งไว้นาน ชุดผ้าคลัตช์ในเกียร์สึกหรอก น้ำมันเกียร์น้อยไปหรือมากไป ก็แก้ไขกันโดยเริ่มที่ระดับน้ำมันเกียร์และท้ายที่สุดต้องยกเกียร์ผ่าเกียร์ก็ต้องทำกันละถ้าอยากจะใช้ต่อไป

             เกียร์ออโต้ว่ากันว่าซ่อมยากซ่อมแพง แต่ถ้าไปพบช่างที่ชำนาญในเกียร์ยี่ห้อนั้นๆ มีประสบการณ์พอสมควรกับการซ่อมก็ไม่ยากและไม่แพง เพราะช่างที่ชำนาญจะเปลี่ยนชิ้นส่วนเฉพาะตัวที่เสียใช้งานไม่ได้จริงๆเท่านั้น

             ปัญหาสำคัญที่จะต้องถึงกับผ่าเกียร์ยกเกียร์โดยที่ที่ลูกนั้นไม่มีชิ้นส่วนใดเสียหายเลยก็คือการที่น้ำเข้าไปในห้องเกียร์ งานนี้ซ่อมยากใช้เวลา ขอเป็นสัปดาห์หน้าจะว่ากันถึงน้ำเข้าเกียร์น้ำ เข้าเครื่อง เข้าไปได้อย่างไร เข้าไปแล้วจะทำอย่างไร จากเสียมากเป็นเสียน้อย ครับ คราวหน้าก็จะจบครบถ้วนกันเรื่องเกียร์ออโต้(ซะที)