เมื่อแม่ไม่พร้อม..ลูกจึงไม่ได้เกิด | คมชัดลึก

          "หนูไม่มีวันทิ้งลูกเด็ดขาด" คำกล่าวเพียงสั้นๆ ที่นางสาวเอ วัย 17 ปี ถูกกฎหมายพิพากษาให้ต้องมาใช้ชีวิตในศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน เขต 7 จังหวัดเชียงใหม่ (กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน) ด้วยคดีค้ายาบ้า ด้วยวัยเพียง 17 ปี อยู่ในสถานพินิจ 2 ปี วันนี้เธอกลายเป็นแม่ของลูกชายวัย 5 เดือน ได้อย่างไร ในโอกาสวันแม่ 12 สิงหา "คม ชัด ลึก" ขอนำเสนอเรื่องราวของหญิงสาวที่ก้าวพลาดในชีวิต แต่ยังยืนยันในความเป็น "แม่"
 
           นางสาวเอ เล่าว่า เริ่มค้ายาบ้าตั้งแต่อายุ 14 ปี กับแฟนชาว จ.พิษณุโลก อายุ 22 ปี จนทุกวันนี้อายุ 17 ปี และทั้งคู่ก็ยังอยู่ในเรือนจำ บ่อยครั้งที่โดนไล่ล่าจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็สามารถรอดไปได้ทุกครั้ง ล่าสุดได้พากันมาขายที่ จ.เชียงใหม่ โดนจับ เธอถูกพิพากษาให้อยู่ในสถานพินิจเป็นเวลา 2 ปี พร้อมกับลูกน้อยขณะนั้นอยู่ในครรภ์เพียง 2 เดือน เมื่อผู้เขียนถามว่าอะไรคือเหตุผลที่เก็บเอาไว้ เธอตอบเพียงสั้นๆ ว่า "เด็กไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำ ไม่อยากให้เขาต้องมารับกรรมกับสิ่งที่เด็กไม่ได้ทำ"

           เมื่อถามย้อนไปถึงครอบครัว นางสาวเอเล่าพร้อมกับให้นมลูกน้อยเพศชายน่าตาน่ารักวัย 5 เดือน ว่า พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อครั้งที่เกิดปัญหาก็ไม่สามารถปรึกษาใครได้ และด้วยวัย จึงเลือกที่จะปรึกษาเพื่อนวัยเดียวกัน ลงท้ายด้วยการดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน ร้ายแรงที่สุดค้ายาบ้า จนวันหนึ่งมาพบกับแฟนคนปัจจุบันหรือพ่อของลูก ทั้งสองยึดอาชีพค้ายาบ้าไปโดยปริยาย อย่างถอนตัวไม่ขึ้น หลายครั้งที่ถูกไล่ล่าจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็หนีรอดไปได้ จนครั้งล่าสุด ถูกจับขณะตั้งครรภ์ แต่ไม่เคยคิดที่จะยุติปัญหาโดยการเอาเด็กออก

           "หนูมาอยู่ตรงนี้อยู่ในฐานะที่เรียกร้องอะไรไม่ได้ แต่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะเลี้ยงลูกไม่ได้ เพราะเราก็มีมือสองมือเหมือนคนทั่วไป หนูจะขอเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ และวันหนึ่งที่ออกจากที่นี่ไปก็จะเหล่าให้ลูกฟังทั้งหมด เผื่อวันหนึ่งเขากำลังจะหลงทาง ให้ฉุกคิดเรื่องของแม่" แม่วัย 17 ปี กล่าว

           ยังไม่หมดเท่านี้ เธอยังฝากเสียงผ่านสื่อหน้ากระดาษของเราว่า "หากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่แล้ว แม่ย่อมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาตอนที่ไม่พร้อม หรือไม่เต็มใจให้เกิด แต่เราต้องนึกย้อนกลับไปตอนที่เราสนุกกับการร่วมกันสร้างเขาขึ้นมา ฉะนั้นเด็กต้องได้รับสิทธิที่จะเกิดมาเหมือนที่พ่อกับแม่ให้เราเกิดมา"

           นีรนุช เรืองพิศาล หรือ น้องเจน นักเรียนชั้นม.6 จากโรงเรียนพะตงประธานคีรีวัฒน์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บอกว่าการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมจะเกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น ครอบครัว  การงาน การศึกษา เธอจึงเลือกชุมนุมศึกษาเรื่องเพศสัมพันธ์ ที่สอนวิธีป้องกันตนเองจากภัยในรูปแบบต่างๆ เช่น เพื่อนชวนไปเที่ยวในที่ที่เสี่ยงก็ให้ปฏิเสธ เช่นไม่ว่างนะต้องกลับไปดูแลพ่อแม่ที่บ้านเหมือนท่านจะไม่สบาย หรือเวลาไปไหนมาไหนดึกๆ ต้องโทรศัพท์ให้ที่บ้านทราบตลอด เพราะหากเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทันเวลา

           "แต่หากวันหนึ่งถ้าเราพลาด เราก็มีวิธีป้องกันหลายอย่าง ถ้าหากปฏิเสธไม่ได้จริง ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย หรือผู้หญิงก็กินยาคุม ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ แต่ไม่ใช่การเอาเด็กออก" น้องเจน กล่าว

           พญ.เบญจพร ปัญญายง ผอ.ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต เล่าว่า ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น นับวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พบว่า ตั้งครรภ์ 2.5 แสนคนต่อปี ครึ่งหนึ่งทำแท้ง ที่น่าตกใจคือ อายุการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นจะมีอายุน้อยลงเรื่อย ขณะนี้เหลือเพียง 13 ปี  ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจาก การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทางออกของผู้หญิงคือ หยุดการตั้งครรภ์ โดยไม่ปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะกลัวว่าถ้าบอกแล้วจะโดนด่า ถูกสังคมประณาม เสื่อมเสียงชื่อเสียง สุดท้ายเหลือกทางออกของปัญหาโดยการทำแท้ง

           จากสภาพสังคมที่มองว่า การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เป็นเรื่องที่น่าอับอาย แท้จริงแล้วหากผู้หญิงคนหนึ่งสามารถอุ้มครรภ์มาเป็นเวลาเกือบ 10 เดือน กับทุกข์ทางใจที่ผู้ชายไม่รับผิดชอบกับการกระทำ ถือว่าน่าจะเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม จึงอยากวอนให้รัฐบาลให้สิทธิกับผู้หญิงมากกว่านี้ เช่น ไม่ตัดอนาคตเด็กท้อง ควรให้เรียนตามปกติ ท้องไม่พร้อมต้องมีทางเลือก ปฏิรูปคุมกำหนดครอบคุมคนโสด/วัยรุ่น เพื่อให้ผู้หญิงมีทางเลือกการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของวัยรุ่นต่อไป