ไลฟ์สไตล์

ร่วมอนุรักษ์"ม้าพันธุ์พื้นเมือง"ต่อยอดศก.ชุมชน-มรดกธรรมชาติ

ร่วมอนุรักษ์"ม้าพันธุ์พื้นเมือง"ต่อยอดศก.ชุมชน-มรดกธรรมชาติ

31 ก.ค. 2554

ร่วมอนุรักษ์"ม้าพันธุ์พื้นเมือง"ต่อยอดศก.ชุมชน-มรดกธรรมชาติ : ท่องโลกเกษตร โดย ธานี กุลแพทย์

           จากความเป็นจริงที่ว่าสัตว์พื้นเมืองหลายชนิดปัจจุบันนี้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ อาจด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป หรือแม้กระทั่งเกิดจากการกระทำของมนุษย์ก็ดี เหล่านี้ เป็นแรงกระตุ้นให้หลายองค์กรหันมาร่วมมือกันอนุรักษ์เพื่อไม่ให้สูญหายไป ดังที่ สพญ.ดร.ศิรยา ชื่นกำไร ประธานมูลนิธิม้าลำปาง ร่วมกับ 3 องค์กรพันธมิตร จัดทำโครงการสืบค้นและอนุรักษ์สายพันธุ์ม้าพื้นเมืองไทย มรดกไทย หลังพบว่าม้าลำปางซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมืองของไทย เริ่มที่จะสูญหายไปเพราะปัญหาการผสมข้ามสายพันธุ์

            ดังนั้น เพื่อคงไว้ซึ่งการร่วมกันอนุรักษ์ม้าสายพันธุ์พื้นเมืองของไทย สพ.ญ.ดร.ศิรยา บอกว่า จึงได้เกิดโครงการสืบค้นฯ ขึ้น โดยล่าสุด ได้มีการร่วมลงนาม (Pledge of Support) กับ 3 องค์กรพันธมิตร ที่ให้การสนับสนุนงานวิจัยชิ้นนี้ ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด และกลุ่มบริษัทบีกริม ภายใต้วัตถุประสงค์ร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการอนุรักษ์ม้าพื้นเมืองไทย ทั้งแง่ให้ผู้เลี้ยงเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง ส่งเสริมให้เห็นคุณค่าของสัตว์ที่เป็นมรดกทางธรรมชาติ เพิ่มคุณค่าม้าพื้นเมือง อันมีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจชุมชนที่เลี้ยงม้าไทยทั่วประเทศ ที่สำคัญหยุดการทำลายสายพันธุ์ด้วยการผสมข้ามสายพันธุ์

            “ม้าพื้นเมืองไทยมีประวัติการเป็นสัตว์ใช้งานในบ้านเรามานาน สืบค้นได้ถึงสมัยทวารวดี มีบทบาทสำคัญทั้งด้านเกษตรกรรม การสื่อสาร ค้าขายแลกเปลี่ยน การเดินทาง การสงคราม ด้วยคุณลักษณะเป็นสัตว์ที่เหมาะในการใช้งาน ความทนต่อสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ มีภูมิต้านทานต่อโรค ทำให้ม้าพื้นเมืองของไทยมีคุณค่าควรแก่การศึกษาและอนุรักษ์" ประธานมูลนิธิม้าลำปาง บอกถึงที่มาของโครงการ และการร่วมลงนามกับ 3 องค์กรพันธมิตร เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

            สพญ.ดร.ศิรยา ระบุอีกว่า จากการสำรวจทางพันธุกรรมม้าพื้นเมืองในจังหวัดลำปาง ซึ่งเริ่มปี 2546 โดยร่วมกับ Dr.Carla Carleton จาก Michigan State University ประเทศสหรัฐอเมริกา และ Dr.Nanna Luthersson จาก Hestedoktorn ประเทศเดนมาร์ก สำรวจดีเอ็นเอ พบว่าม้าลำปางมีลักษณะเด่นของโครงสร้าง รูปร่าง สี เอกลักษณ์ คล้ายพันธุ์มองโกเลียน พเวาสกี้ (Mongolian Przewalski) ม้าโบราณของมองโกเลีย ที่เหลือเพียง 150 ตัว และได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในฐานะม้าป่าพันธุ์สุดท้ายของโลก 

            "จากการค้นคว้าวิจัย ผลเบื้องต้นพบว่ามีลักษณะทางพันธุกรรมเป็นสายพันธุ์โบราณ มีถิ่นฐานจากบริเวณมณฑลยูนนาน งานการสืบค้นสายพันธุ์จึงได้ก่อกำเนิดขึ้น และดำเนินการต่อมาอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นงานหลักงานหนึ่งของมูลนิธิม้าลำปาง ที่ได้ก่อตั้งและจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ  (Lampang Pony Welfare Foundation) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพม้า และอนุรักษ์สายพันธุ์ม้าพื้นเมืองของไทย เมื่อปี 2551" สพญ.ดร.ศิรยาแจง

            ทว่า ปัญหาม้าลำปางที่ผ่านมา คือการผสมข้ามสายพันธุ์ ทำให้ม้าพื้นเมืองพันธุ์แท้เริ่มสูญหายไปเรื่อยๆ ซึ่งผลจากการสืบค้นทำให้เห็นว่า สาเหตุของการเริ่มสูญพันธุ์เพราะได้มีการทำลายสายพันธุ์โดยการผสมม้าไทยกับม้าสายพันธุ์อื่นตามความต้องการของตลาด จึงส่งผลให้จำนวนของม้าไทยพื้นเมืองแท้ๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งพบว่าม้าพันธุ์พื้นเมืองของลำปาง มีปัญหาทางสุขภาพอย่างมาก 

            "เกิดจากการขาดความรู้ที่ถูกต้อง มีการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกวิธี รวมถึงการนิยมผสมข้ามสายพันธุ์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สิ่งเหล่านี้ มีผลต่อสวัสดิภาพของม้า และมีผลต่อหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างมาก" ประธานมูลนิธิแจง 
 
            ในการศึกษาสืบค้นและอนุรักษ์สายพันธุ์ม้าพื้นเมืองไทย ยุพาวดี วัลยะเพ็ชร์ ผจก.อาวุโส ฝ่ายสื่อสารและบริหารภาพลักษณ์องค์กร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), ศุภกฤต อัศวชัยพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงบริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด และ มร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน กลุ่มบริษัทบีกริม ผู้สนับสนุนเงินทุนวิจัย ต่างยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า จะร่วมมือกันอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นเมือง เพื่อไม่ให้สูญหายไปจากประเทศ และคงไว้ซึ่งมรดกทางธรรมชาติของไทย ที่สำคัญยังเป็นการต่อยอดเศรษฐกิจของชุมชนของคนเลี้ยงม้าไทยพันธุ์แท้ในอนาคตได้อีกด้วย

            อย่างไรก็ตาม เพื่อร่วมมือกันอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นเมืองไทยไม่ให้สูญพันธุ์ สำหรับองค์กรที่สนใจและต้องการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิ สามารถติดต่อที่ www.lampangponywelfare.org หรือ สพญ.ดร.ศิรยา ชื่นกำไร [email protected]