
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์คุณค่าแห่งยุคสมัย
เข้าพรรษา .... เหมือนเป็นประตูสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ฤดูกาลนี้หลายคนบ่นว่า ไม่รู้จะไปท่องเที่ยวที่ไหนดี ที่จะไม่เปียกฝน แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทั่วไป สวยงามสดชื่น แต่อาจจะไม่เหมาะในทุกสถานการณ์ สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเลยเป็นตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนมองหา
คำว่าพิพิธภัณฑ์ในสมัยก่อน อาจฟังแล้วดูเหมือนยาขมสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์มากมายแต่กลับช่างยากเย็นต่อการเสพเหลือเกิน เพราะพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบสมัยก่อนมักจะดูนิ่งและเย็นชา คอยแต่จะให้ผู้มาเยือนต้องเข้าไปค้นหาเอาเอง แต่ปัจจุบันรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ในเมืองไทยเริ่มมีสีสันและรูปแบบที่น่าสนใจและดึงดูดผู้มาเยือนให้ได้ค้นหา ได้สัมผัส ซึ่งสถานที่ที่จะมาแนะนำในวันนี้มีชื่อว่า นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Rattankosin Exhibition Hall
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ติดกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ สถานที่ที่เป็นดั่งประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2532 บนสถานที่เดิมของศาลาเฉลิมไทย ที่รื้อทิ้งตามแผนการปรับภูมิทัศน์ของรัฐบาลสมัยนั้น หลังสัญญาเช่า ทำให้เปิดมุมมองเห็นวัดราชนัดดารามวรวิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของโลหะปราสาท บริเวณมุมถนนราชดำเนินกลางตัดกับถนนมหาไชย
ส่วนภายในของตัวอาคารของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ได้รับการปรับปรุงขึ้นจากอาคารริมถนนราชดำเนินกลาง โดยมีวัตถุประสงค์ให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม ของยุคกรุงรัตนโกสินทร์ การจัดแสดงภายในมีการแบ่งเป็น 9 ห้องจัดแสดงโดยมีการจัดเวลาเข้าชมเป็นรอบๆ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยนำชมตลอดเส้นทางการจัดแสดง นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ของอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์เปิดพื้นที่สำหรับกิจกรรมหมุนเวียนต่างๆ อีกด้วย
การเดินผ่านเส้นทางยาวที่สองข้างบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของกรุงรัตนโกสินทร์ที่ดำเนินมากว่า 2 ศตวรรษ ผ่านการเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมาย เส้นทางที่ของการเริ่มต้นเข้าชมเปรียบดั่งการค่อยๆ นำผู้ชมให้ย้อนอดีตสู่การก่อกำเนิดของกรุงรัตนโกสินทร์ อันเป็นการจัดแสดงในห้องแรกที่ชื่อว่า “รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์” ภายในห้องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของกรุงรัตนโกสิทร์ตั้งแต่แรกเริ่มสถาปนา ในรูปแบบ 4 มิติ
“เกียรติยศแผ่นดินสยาม” เป็นชื่อของห้องจัดแสดงห้องที่ 2 ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ และงดงามของพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในรูปแบบโมเดลที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นความประณีตบรรจงของงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมภายในพระบรมมหาราชวัง รวมถึงครั้งแรกที่ผู้ชมจะได้ชมพระแก้วมรกตในเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดู
งามมหรสพและการละเล่นต่างๆ นับได้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ดังนั้นภายในห้องจัดแสดงที่ 3 ที่ชื่อว่า “เรืองนามมหรสพศิลป์” จึงเป็นการนำพาผู้ชมไปพบกับบรรยากาศของการสมโภชมหรสพในรูปแบบ 360 องศา นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงมหรสพอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โขน หนังใหญ่ หุ่นกระบอก ที่ผู้เข้าชมสามารถทดลองและเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเหล่านี้ได้
พระราชพิธีเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล ภายในห้องจัดแสดง “ลือระบิลพระราชพิธี” ที่เป็นห้องจัดแสดงห้องที่ 4 จึงเป็นการนำพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับพระราชพิธีต่างๆ อย่างใกล้ชิดรวมถึงเรียนรู้ถึงความเป็นมาและความหมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือพระราชพิธี เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพระยุหยาตราทางชลมารคในรูปแบบ 3 มิติ
ด้วยระยะเวลามากกว่า 200 ปีที่กรุงรัตนโกสินทร์ รุ่งเรืองและผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ก่อกำเนิดงานสถาปัตยกรรมทั้ง วัง วัด และบ้านเรือน ที่หลากหลาย จนเป็นที่มาของห้องจัดแสดง “สง่าศรีสถาปัตยกรรม” ที่จะพาผู้ชมไปพบกับการพัฒนางานสถาปัตยกรรมที่แต่ละสมัยต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความเจริญและรูปแบบความเป็นอยู่ของผู้คน รวมถึงการผสมผสานศิลปะของต่างชาติไม่ว่าจะเป็น จีนหรือตะวันตก เข้ามาจนกลายเป็นงานสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และทรงคุณค่า
วิถีชีวิตของผู้คนภายในกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับการถ่ายทอดออกมาในห้องจัดแสดงห้องถัดไปที่มีชื่อว่า “ดื่มด่ำย่านชุมชน” ที่จะพาผู้ชมไปรู้จักกับย่านชุมชนสำคัญ 12 ย่านที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง หลังจากนั้นจะเป็นการนำผู้ชมออกเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะรัตนโกสินทร์ภายในห้องจัดแสดง “เยี่ยมยลถิ่นกรุง” ห้องที่จะพาเราไปรู้จักกับสีสันของพื้นที่ภายในเกาะรัตนโกสินทร์ทั้งอาหารการกิน แหล่งจับจ่ายสินค้า และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอนิเมชั่นการท่องเที่ยวสุดน่ารัก
“รุ่งเรืองวิถีไทย” เป็นห้องจัดแสดงห้องที่ 8 ที่จะพาเราย้อนกลับไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในห้วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่สภาพความเป็นอยู่ยังคงสืบทอดรูปแบบมาจากสมัยอยุธยา จนกระทั่งมาถึงช่วงแห่งการพัฒนาสู่อารยะที่มีการรับเอาองค์ความรู้จากตะวันตกเข้ามาสู่สยามประเทศ นอกจากนี้ผู้ชมยังจะได้เห็นถึงความนิยมต่างๆภายในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
ห้องสุดท้ายของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์มีชื่อว่า “ดวงใจปวงประชา” ห้องที่จะนำพาผู้ชมร่วมรำลึกถึงบูรพกษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ผู้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และปกครองให้เจริญมั่นคง ความเป็นชาติที่มีเอกราช และอารยะได้แสดงให้เห็นว่า การดำรงสถานะกษัตริย์ตลอด ๙ รัชกาล มิได้อยู่ในความสะดวกสบาย หากแต่เป็นฐานะของผู้ที่มีความสามารถสูงยิ่งในการนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤติการณ์และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่พสกนิกร คือ พระราชกรณียกิจนานัปการที่ได้ถ่ายทอดไว้แต่ละสมัยแตกต่างกัน
ไม่ว่าเราจะเรียกที่นี่ว่าพิพิธภัณฑ์ หรือนิทรรศการ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้ถึงความรู้สึกหลังใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงภายในส่วนจัดแสดง คือความรู้สึกสนุก เพลิดเพลิน และที่สำคัญคือ ภูมิใจครับ ภูมิใจที่ได้เกิดมาบนดินแดนที่ร่ำรวยทั้งทางศิลปและวัฒนธรรม ดินแดนที่บรรพชนได้สร้างบ้านแปงเมือง ผ่านยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลงมากมาย กว่าจะมาเป็นกรุงเทพมหานครในวันนี้
เรื่อง/ภาพ โดย วรศักดิ์ จรุงรัตนาพงศ์
http://www.oknation.net/blog/hooknoi