ไลฟ์สไตล์

ก้าวใหม่ทุเรียน"หลง-หลิน"ลับแล 
อุตรดิตถ์ผนึกวช.มุ่งวิจัยเชิงพาณิชย์

ก้าวใหม่ทุเรียน"หลง-หลิน"ลับแล อุตรดิตถ์ผนึกวช.มุ่งวิจัยเชิงพาณิชย์

11 ก.ค. 2554

แม้ทุเรียนพันธุ์หลงลับแลและหลินลับแล ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ จะมีคุณสมบัติดีและเด่นตรงที่มีรสชาติดี หวานมัน กลิ่นอ่อนเฉพาะตัวได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูง แต่ก็ยังพบปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการให้ผลผลิตต่อปีที่ต่ำ มีพื้นที่ใช้

          ด้วยเหตุนี้ ผศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์เกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรและคณะได้มองเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและเห็นโอกาสที่จะผลักดันทุเรียนสายพันธุ์ดังกล่าวสู่ตลาดโลกได้ จึงได้ทำการวิจัยในหัวข้อ "การวิจัยและพัฒนาแบบบูรณาการเพื่อการผลิตทุเรียนพันธุ์พลงลับแลและหลินลับแลเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน" โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
 
          ผศ.ดร.พีระศักดิ์ เผยถึงผลงานวิจัยดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมตัวอย่างพันธุ์ทุเรียนหลงและหลินลับแลเพื่อใช้ศึกษาลักษณะสายพันธุ์ โดยตัวอย่างที่เก็บประกอบด้วย ใบ ดอกและผลช่วงแรกและศึกษาถึงลักษณะพื้นฐานของทุเรียนสองสายพันธุ์นี้ โดยมุ่งหวังเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของทุเรียนทั้งสองสายพันธุ์เพื่อการพาณิชย์และการส่งออก ตลอดจนสามารถถ่ายทอดผลผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีการผลิตและหลังการเก็บเกี่ยวทุเรียนเพื่อให้ได้คุณภาพดีเหมาะแก่เกษตรกรและผู้สนใจโดยทั่วไป 
 
          "ลักษณะเด่นของหลงลูกจะกลม พูเต็มใหญ่ไม่มีเว้า ส่วนหลินจะเห็นพูชัดเจน คล้ายผลมะเฟือง โดยทุเรียนทั้งสองสายพันธุ์จะให้เริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของทุกปี  ปัจจุบันราคาจำหน่ายเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท จึงมองว่าน่าจะพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ได้ โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งผลิตมากนัก"
 
          โยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ยอมรับว่าปัจจุบันจังหวัดอุตดิตถ์เป็นแหล่งปลูกผลไม้ชื่อดังของทางภาคเหนือ มีผลไม้ที่สำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ลางสาด ลองกอง สับปะรด เงาะ มังคุดและทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หลงและหลินลับแล มะม่วงหิมพานและสับปะรดห้วยมุ่น ถือเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดมานานและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างมาก แม้ว่าราคาจะสูงก็ตาม
 
          "เชื่อว่าอีกไม่กี่ข้างหน้าเมื่อโครงข่ายเส้นทางคมนาคม 3 ประเทศเสร็จเรียบร้อย อุตรดิตถ์จะได้เปรียบมากที่สุด เพราะสามารถการขนส่งสินค้าผ่านลาวไปยังจีนและเวียดนามได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่ ยิ่งได้สุดยอดทุเรียนอย่างหลง-หลินลับแลด้วยแล้วก็จะมองเห็นอนาคตอันสดใสของทุเรียนสองพันธุ์นี้ได้ไม่ยาก"
 
          ทางด้าน รศ.สุพัตรา สุภาพ กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ และที่ปรึกษาคณะกรรมการประชาสัมพันธ์วช.กล่าวระหว่างนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูงานวิจัยทุเรียนพันธ์หลง-หลินลับแลในเชิงพาณิชย์ที่บ้านผามูบ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ โดยระบุว่าทุเรียนทั้งสองสายพันธุ์นี้มีรสชาติอร่อยมาก ซึ่งน่าจะมีการส่งเสริมให้ผลิตเชิงพาณิชย์มากขึ้นเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศได้ ในฐานะที่เป็นกรรมการสภาวิจัยก็อยากผลักดันให้มีการผลิตทุเรียนสองสายพันธุ์นี้มีมาตรฐานมากขึ้น
 
          "จะผลิตยังไงให้ได้มาตรฐานทุกราย ไม่มีโรคแมลงรบกวน และมีตลาดรองรับที่แน่นอน แต่ปัญหาขณะนี้คือไม่รู้สุกตอนไหน โดยเฉพาะหลง เป็นทุเรียนที่ดีไม่มีกลิ่น จึงไม่รู้ว่าสุกตอนไหน แต่ในแง่การเก็บเกี่ยว เก็บเร็วไปก็ไม่อร่อย เก็บช้าไปเนื้อก็เละ ต้องเก็บพอดี ปัญหาเก็บพอดีต้องมีองค์ความรู้การวิจัยว่าเราต้องใช้น้ำ ใช้ปุ๋ยเท่าไหร่ เติบโตได้ดีในภูมิอากาศแบบไหน ทุกวันนี้แค่มาตรฐานชาวบ้านเอาแน่ไม่ได้ ต้องเห็นใจเพราะชาวบ้านไม่มีองค์ความรู้ตรงนี้" รศ.สุพัตรากล่าว พร้อมย้ำว่า
  
          ไม่เพียงทุเรียนหลง-หลินลับแลเท่านั้นที่วช.ได้สนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้มีมาตรฐานเพื่อต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน แต่ยังมีผลไม้อีกหลายชนิดในภูมิภาคต่างๆ ที่ได้รับความสนใจของผู้บริโภคและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่ยังต้องการงานวิจัยที่ได้มาตรฐานสากลเพื่อนำไปสู่การแข่งขันในตลาดโลกต่อไป เพียงแต่ต้องให้ชาวบ้าน หน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชนที่สนใจแจ้งความประสงค์มาที่วช. โดยผู้วิจัยไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิชาการหรืออาจารย์มหาวิทยาลัย แต่เป็นใครก็ได้ที่สนใจ ทั้งภาครัฐ เอกชน ตลอดจนชาวบ้านหรือเกษตรกรที่สนใจ ที่มองเห็นความสำคัญของผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั้นๆ สามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์หรือสามารถชีวิตความเป็นอยู่ให้กับชาวบ้านที่ดีขึ้นได้
    
กว่าจะมาเป็น"หลง-หลินลับแล"
          ทุเรียนพันธุ์ "หลงลับแล" ต้นเดิมขึ้นอยู่ที่ม่อนน้ำจำ หมู่ 7 บ้านผามูบ ต.แม่พูล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เจ้าของเดิมคือ นายลม-นางหลง อุประ อยู่บ้านเลขที่ 126 หมู่ 1 บ้านนาปอย เขตเทศบาล ต.หัวดง ต.แม่พูล เป็นทุเรียนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดทุเรียนที่ปลูกจากเมล็ด ซึ่งร่วมดำเนินการจัดประกวดระหว่างกรมวิชาการการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรและจังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ.2520 และได้รับรองพันธุ์ในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2521 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ จากนั้นนายเมือง แสนศรี นายสมบุญ เกิดทุ่งยั้ง และนายแสง ม่านแก้ว นำยอดทุเรียนหลงลับแลจากต้นเดิมมาขยายพันธุ์โดยวิธีการเสียบยอดจนประสบความสำเร็จ ก่อนที่ต้นเดิมจะตายเพราะอายุมาก (อายุประมาณ 60 ปี) 
     
          ทุเรียนพันธุ์ "หลินลับแล" ต้นเดิมปลูกโดยนายหลิน ปันดาล บ้านเลขที่ 126 หมู่ 7 บ้านผามูบ ต.แม่พูล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ในปี 2493 โดยได้นำเมล็ดทุเรียนมาปลูกแล้วเกิดการกลายพันธุ์มีลักษณะที่แปลกกว่าทุเรียนพันธุ์อื่นๆ จึงนำให้เพื่อนบ้านกินกันหลายคนบอกว่ามีรสชาติดี ต่อมาในปี 2520 ได้ส่งทุเรียนพันธุ์นี้เข้าประกวดในการประกวดทุเรียนที่ปลูกจากเมล็ด  แม้ว่าในปีดังกล่าวทุเรียนพันธุ์หลงลับแลจะได้รับรางวัลยอดเยี่ยม แต่หลินลับแลก็ได้รับความนิยมจากนักบริโภคทุเรียนไม่น้อยกว่าทุเรียนพันธุ์หลงลับแลเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ปลูกทุเรียนต้นเดิม จึงตั้งชื่อทุเรียนพันธุ์นี้ว่า "หลินลับแล"  
 
          สำหรับผลงานวิจัย "ทุเรียนหลง-หลินลับแล" จะมาโชว์ในงาน Thailand Research Expo 2011 ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 26-31 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ด้วย

"สุรัตน์ อัตตะ"