ไลฟ์สไตล์

ผลิตภัณฑ์ใหม่ "ซอสลูกตำลึง"
ทำกินเองได้-ทำขายมีกำไร

ผลิตภัณฑ์ใหม่ "ซอสลูกตำลึง" ทำกินเองได้-ทำขายมีกำไร

24 มิ.ย. 2554

ที่ผ่านมาคนมักจะใช้ประโยชน์จากต้น "ตำลึง" ในส่วนที่เป็นใบและยอดอ่อน เพื่อนำไปประกอบอาหารทั้งลวกจิ้มน้ำพริก แกงเรียง หรือแกงจืด ขณะที่ผลหรือลูกตำลึงกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า ปล่อยให้นก ให้กากิน หรือปล่อยให้เน่าเปื่อยเป็นจุลินทรีย์ แต่วันนี้ลูกตำลึงสามารถนำไปแป

    ส่วนที่มาของผลิตภัณฑ์ "ซอสลูกตำลึง" นั้น มาจากความคิดของนักศึกษาสาวชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล  (มทร.) ธัญบุรี "จารุวรรณ  สิงห์สาธร" ที่มองลูกตำลึงที่สุกแดงบนต้นนั้นน่าจะทำประโยชน์อย่างอื่นได้ ดีกว่าปล่อยให้เน่าเสียโดยเปล่าประโยชน์ จึงคิดค้นสูตร และทดลองทำเป็นซอสลูกตำลึง โดยมี ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชา เป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่ามีรสชาติที่แปลกใหม่ ไม่แพ้ซอสแบรนด์ดังที่วางขายในท้องตลาด

 "หนูมองว่าตำลึงซึ่งเป็นผักพื้นบ้านที่ขึ้นตามรั้วบ้านและเลื้อยตามต้นไม้อื่น ซึ่งส่วนใหญ่คนไทยเรามักจะเด็ดเอายอดอ่อนนำมาประกอบอาหาร เช่น นำมาลวก นึ่งเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก หรือนำไปปรุงอาหารเป็นแกงเลียง แกงจืด แต่บางท้องถิ่นมีชาวบ้านนำผลอ่อนของตำลึงไปดองและนำไปรับประทานกับน้ำพริกหรือปรุงเป็นแกงได้ แต่ผลหรือลูกตำลึงสุกที่มีรสเปรี้ยวอมหวานนิด ไม่มีใครกินกันมีแต่นก และที่เหลือก็เน่าเปื่อย ทั้งที่ในลูกตำลึงมีสารอาหารหลายอย่าง" จารุวรรณกล่าว

 สำหรับผลตำลึงนั้นมีสารอาหารคือลูกตำลึง 100 กรัม  ประกอบด้วย  พลังงาน  20  แคลลอรี่  คาร์โบไฮเดรต  5.2  กรัม  โปรตีน  0.7  กรัม  แคลเซียม  25  มิลลิกรัม  ฟอสฟอรัส  25  มิลลิกรัม  และเหล็ก  0.6  มิลลิกรัม  ซอสลูกตำลึง  ขณะที่น้ำที่คั้นจากผลตำลึงดิบช่วยลดน้ำตาลในเลือดและโรคเบาหวานได้ ดังนั้นซอสลูกตำลึงของเธอนอกจากจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกตำลึงสุก และเป็นทางเลือกของผู้บริโภคที่ชอบในรสชาติของซอสที่ได้รสชาติที่สดใหม่ ปลอดภัย  และปราศจากสารเคมี

   จารุวรรณบอกอีกว่า การแปรรูปลูกตำลึงทำเป็นผลิตภัณฑ์ซอสลูกตำลึงนั้น สามารถทำกินเองได้ ส่วนผสมในการปรุง ได้แก่  ลูกตำลึงสุก  1 กก.  พริกชี้ฟ้าแดง  200  กรัม  กระเทียมสับ  200  กรัม    อบเชย  1  ชิ้น  น้ำส้มสายชู  150  กรัม  น้ำตาลทราย  400  กรัม  เกลือ  50  กรัม  จากเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตคือ  นำน้ำใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ  ใส่กระเทียม  ลูกตำลึงสุก  พริกชี้ฟ้า  ต้มจนเปื่อย   จากนั้นนำมายีบนตะแกรง  หรือปั่นให้ละเอียด  (เอาเมล็ดออก)  แล้วนำน้ำส้มสายชู  น้ำตาลทราย  เกลือ  ใส่หม้อตั้งไฟให้ละลายเข้ากันอีกครั้ง ส่วนผสมนี้จะได้ซอสลูกตำลึง  600  กรัม ลงทุนไม่ถึง 50 บาท 

 ขั้นตอนต่อมา นำส่วนผสมที่ปั่นละเอียดแล้ว ใส่ลงหม้อ ตั้งไฟเคี่ยวจนข้น บนไฟแรงปานกลาง เคี่ยวประมาณ  20 นาที ให้สังเกตสีจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม จากนั่นชิมรสชาติตามที่ชอบ ก่อนนำซอสลูกตำลึงกรอกใส่ขวดที่ล้างสะอาด  แล้วปิดฝาให้สนิท นำไปนึ่งฆ่าเชื้อโรคประมาณ 30 นาที  เก็บไว้รับประทานได้ ไม่ว่าจะรับประทานกับของทอด  เช่น  ไส้กรอก  ไก่ทอด  หรือจะนำไปปรุงอาหารแทนซอสมะเขือเทศ  โดยซอสลูกตำลึงสามารถเก็บไว้ได้  1  เดือนในอุณหภูมิห้อง  แต่ถ้าเปิดฝาแล้ว  ควรเก็บไว้ในตู้เย็น

 ปัจจุบันซอสลูกตำลึง  ถือเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ หากสนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ จารุวรรณ  สิงห์สาธร โทร.08-5744-0219

"ดลมนัส  กาเจ"