กรมศิลป์พิสูจน์โบราณวัตถุถ้ำพิษณุโลก | คมชัดลึก

 ได้เดินทางมาที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก เพื่อร่วมกันตรวจพิสูจน์วัตถุโบราณเก่าแก่ หลังจากมีพระภิกษุนำมามอบให้ทางนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2554 โดยให้ทางวัฒนธรรม จ.พิษณุโลกเป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้ เพื่อรอเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาตรวจสอบ

 น.ส.ธณิการต์ กล่าวว่า ทางได้รับหนังสือจากสำนักงานวัฒนธรรม จ.พิษณุโลก ให้มาตรวจสอบวัตถุโบราณ จากข้อมูลที่ได้รับยังไม่แน่ใจ เพราะต้องดูที่มาที่ไปเสียก่อน โดยวันนี้ได้เดินทางมาเพียงเก็บข้อมูลเท่านั้น ส่วนวัตถุโบราณนั้นยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าเป็นของเก่าจริงหรือไม่ ต้องรอการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง จากการดูรูปแบบลักษณะวัตถุโบราณ มีรูปแบบลักษณะยุคทวาราวดี และยุคลพบุรี แต่ไม่ยืนยันว่าถึงยุคหรือไม่ แต่แบบลักษณะคล้ายยุคดังกล่าว ส่วนเนื้อวัตถุคาดว่าน่าจะเป็นโลหะผสม ทุกอย่างยังไม่สามารถบอกว่าเป็นของเก่าจริง ต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เสียก่อน ถึงจะสามารถระบุได้ ตอนนี้เพียงมาเก็บข้อมูลเท่านั้น และจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด

 ด้านนายประพันธ์ กล่าวว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ให้มาร่วมตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดด้วยกัน หลังจากเก็บข้อมูลทั้งหมดแล้ว จะมีการเสนอเรื่องไปที่ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เพื่อรายงานไปที่อธิบดีกรมศิลปกรอีกครั้ง เพื่อดำเนินการจัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ลงมาตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากต้องใช้ผู้ที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรง เพื่อไม่ให้ผิดพลาด หลังจากนี้จะรายงานให้ทาง ผอ.สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ทราบเบื้องต้น เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนี้

 ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา พระนิพนธ์ ฉนฺตจิตฺโต จากสำนักปฏิบัติธรรมเขาฤาษี (ธ) ต . ชัยนาม อ . วังทอง จ . พิษณุโลก ได้นำโบราณวัตถุอายุหลายร้อยปีจำนวน 21 ชิ้น มามอบให้นายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ . พิษณุโลก เพื่อเก็บไว้เป็นสมบัติของชาติในพิพิธภัณฑ์พระนเรศวร

 โดยสมบัติอันล้ำค่า มีพระพุทธรูปเชียงแสน พระพุทธรูปพิมพ์ต่างๆ กริช ดาบ กำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า ขวาน ตรีศูนย์ หอยสังข์ ตราประทับเป็นรูปครุฑ แหวนพญานาค โดยก่อนหน้ามีชาวบ้านไปไถ่ที่ดินบริเวนที่ติดเชิงเขาเตรียมปลูกมันสับปะหลัง พบวัตถุโบราณอยู่ในถ้ำ นำไปเก็บไว้ที่บ้านปรากฏว่าเจอกับอาถรรพ์อยู่ไม่เป็นสุขมีปัญหาต่างๆนานา ได้รับความเดือดร้อน และได้นำวัตถุโบราณมามอบผ่านพระสงฆ์ เพื่อให้นำไปมอบให้กับเจ้าบ้านเจ้าเมืองเก็บรักษาไว้เป็นของหลวง โดยทางผู้ว่าได้ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประสานกรมศิลปากรมาตรวจสอบว่าเป็นของเก่าจริงหรือไม่ ก่อนจะมีการเก็บไว้เอาไว้ในพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชต่อไป