ไลฟ์สไตล์

ออกกำลังกาย "ยืดอายุ"

ออกกำลังกาย "ยืดอายุ"

23 มิ.ย. 2554

ผู้ป่วยโรคหัวใจ การออกกำลังกายมีประโยชน์อย่างมาก โดยมีจุดมุ่งหมายใหญ่ 2 ข้อ คือ 1.เพื่อลดการดำเนินโรค และยืดอายุผู้ป่วย การออกกำลังกายยังช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากการเป็นซ้ำของโรคได้ถึง 25% ในช่วงเวลา 1-3 ปี

 2.เพื่อรักษาให้สุขภาพกลับไปแข็งแรงใกล้เคียง หรือเท่ากับก่อนจะเป็นโรคหัวใจ
ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ 
 -ป้องการภาวะแทรกซ้อนจากการนอน
 -เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกาย
 -เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ
 -เพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
 -ลดปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของหลอดเลือดหัวใจตีบ ได้แก่ ลดน้ำหนัก ลดไขมัน ลดความดันโลหิต
 -ลดอัตราการเสียชีวิตจากการเป็นซ้ำของโรค
 -ส่งเสริมคุณภาพจิต ลดอาการเครียด ซึมเศร้า
เพิ่มคุณภาพชีวิตออกกำลังกายแค่ไหนถึงพอเหมาะ
 ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จะมีสมรรถนะของร่างกายลดลง เพราะจะมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น และการบีบตัวให้เลือดออกจากหัวใจแต่ละครั้งได้ปริมาณน้อยลง ทำให้ปริมาณเลือดที่หัวใจส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ลดลง เป็นผลให้ปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายนำไปใช้ลดลงด้วย
 โดยพื้นฐาน ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบจะออกกำลังกายได้คล้ายๆ กับในคนปกติ เพียงแต่ควรจะเน้นไปที่การออกกำลังกายในระดับปานกลาง เช่น เต้นแอโรบิก เดินเร็ว ขี่จักรยาน วิ่งเหยาะๆ และว่ายน้ำ ส่วนกีฬาที่แนะนำ ได้แก่ ปิงปอง เทนนิสคู่ กอล์ฟ เป็นต้น
 ก่อนออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาใดๆ ผู้ป่วยทุกคนควรปรึกษาแพทย์ และควรออกกำลังแต่พอเหมาะ ช่วงที่เริ่มออกกําลังกายระยะแรก ควรซ้อมเบาๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อน และหยุดพักเมื่อเริ่มเหนื่อย หรือแน่นหน้าอก หลังจากที่เริ่มเคยชินก็ค่อยๆ เพิ่มเวลาของการออกกำลังกาย จนสามารถทําได้อย่างต่อเนื่องนานอย่างน้อย 15 นาทีขึ้นไป และทําเป็นประจําทุกวัน
 ที่สำคัญต้องไม่ลืมเตรียมร่างกาย (Warming up and down) ก่อน และหลังการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และควรทำทุกครั้ง
ความผิดปกติทางหัวใจที่อาจเกิดขณะออกกำลังกาย
 ขึ้นกับประเภทและความรุนแรงของผู้ป่วยโรคหัวใจ ในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย โอกาสเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายมีน้อยมาก ส่วนในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบมาก การออกกําลังเกินขนาด อาจทําให้มีอาการเจ็บ แน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
 ส่วนโรคหัวใจล้มเหลวและหัวใจประเภทอื่นๆ นั้น อาจจะมีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้นผิดปกติจากภาวะเลือดคั่งในปอด ซึ่งเป็นอาการเริ่มของภาวะหัวใจล้มเหลว จึงต้องเน้นย้ำว่า ก่อนเริ่มการออกกำลังกายหลังเป็นโรคหัวใจ ผู้ป่วยควรได้รับผ่านการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ
การปฏิบัติตัวเมื่ออาการกำเริบ
 จะต้องหยุดการออกกำลังกายทันที นั่งพักในที่ที่อากาศถ่ายเทดี ในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบ และแน่นหน้าอก การใช้ยากลุ่มไนโตรกลีเซอรีนแบบพกพา อมหรือพ่นใต้ลิ้น ก็มักจะได้ผลอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยที่เหนื่อยหอบมากขึ้น ผิดปกติจากภาวะเลือดคั่งในปอด ยาขับปัสสาวะจะสามารถบรรเทาอาการได้ ที่สำคัญ ควรมีการเตรียมผู้ป่วยเพื่อส่งโรงพยาบาล
ข้อควรระวัง
 ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีความเสี่ยงปานกลางขึ้นไป ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่ใช้กำลังมาก และมีการแข่งขัน เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ยกน้ำหนัก ไม่ควรเบ่งหรืออกแรงเกร็ง ไม่กลั้นหายใจระหว่างการออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการกำมือแน่นๆ และการนอนออกกำลังกาย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือหัวใจวายเฉียบพลัน
 แม้ว่า การออกกำลังกายจะเป็นสิ่งที่ดีต่อหัวใจและสุขภาพโดยรวม แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้างในผู้ป่วยโรคหัวใจ ฉะนั้น หลังจากผ่านการประเมินจากแพทย์แล้ว การออกกำลังกายควรทำด้วยความระมัดระวัง ค่อยเป็นค่อยไป และรู้จักประเมินสมรรถภาพ ระดับความเหนื่อย และการจับชีพจรตัวเอง รู้จักอาการแสดงที่บ่งถึงภาวะผิดปกติจากการออกกำลังกายเกินขนาด เช่น เจ็บหน้าอก มึนงง เซ คลื่นไส้
 ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายให้แข็งแรง ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักค่อยๆ ลดลง ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวขึ้น แม้จะมีโรคหัวใจก็ตาม
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
โทร.0-2910-1600