ไลฟ์สไตล์

พบเณรแต๋วพับเพียบไทยแลนด์ว่อนเน็ต

พบเณรแต๋วพับเพียบไทยแลนด์ว่อนเน็ต

21 มิ.ย. 2554

พบ “สามเณรแต๋วรัดติ้ว” พับเพียบไทยแลนด์ว่อนเน็ต เครือข่ายเฝ้าระวังฯ อึ้งร้องวธ.จวกไม่เหมาะสม เตรียมส่งข้อมูลให้สำนักพุทธฯตรวจสอบ ส่วนกรณีพระแพลงกิ้ง ผช.อธิการมมร.มอบหลักฐานเด็ดให้รองผอ.พศ.ติดตามต่อ

 (21มิ.ย.) จากกรณีพระพิเรนทร์ทำท่าแพลงกิ้งลามมาถึงนู้ดแพลงกิ้ง ล่าสุดสามเณรแต๋วพับเพียบไทยแลนด์ว่อนเฟซบุ๊ค เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. จากน.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)ว่า เครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมส่งข้อมูลภาพสามเณรแต๋วนั่งพับเพียบร่วมรณรงค์พับเพียบไทยแลนด์ในเฟซบุ๊คมาให้ตนได้ตรวจสอบ ซึ่งลักษณะของสามเณรรูปดังกล่าว มีลักษณะตุ้งติ้งแต่งหน้า นั่งพับเพียบเรียบร้อย แต่การสวมใส่จีวรผิดจากสามเณรทั่วไป คือ นุ่งสบงคล้ายลักษรกระโปรง ส่วนจีวรพาดลักษะเหมือนสไบเฉียงเกาะอก รัดเอวติ้ว เลียนแบบแฟชั่นเกาหลี ทั้งนี้รูปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ค ซึ่งเครือข่ายเฝ้าระวังฯเห็นว่า ไม่เหมาะสม จึงได้ส่งมาให้สำนักเฝ้าระวังช่วยดูแลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ

 นางสาวลัดดา กล่าวต่อไปว่า สำหรับรายละเอียดของสถานที่ของสามเณรพับเพียบไทยแลนด์รายนี้ ไม่ได้ระบุว่า เป็นสามเณรจากที่ใด หรือวัดใด ดังนั้น สำนักเฝ้าระวังฯ จะส่งเรื่องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ดำเนินการตรวจสอบ หากพบข้อมูลว่าอยู่วัดใด ยังบวชอยู่หรือไม่ ก็ให้ช่วยประสานเจ้าคณะปกครอง และเจ้าอาวาสช่วยกันตักเตือน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่สามเณรจะนำรูปดังกล่าวมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ คล้ายกับกรณีพระแพลงกิ้ง ที่จะดูไม่เหมาะสมและจะกระทบต่อศรัทธาประชาชน

 “พระเองก็มีศีลต้องปฏิบัติ คล้ายกับคนธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะเณรมีทั้งเคร่งครัด และซุกซน เมื่อกระโดดออกนอกกฎเช่นปรากฎการณ์ดังกล่าว ทางดิฉันในฐานะสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ต้องออกมาเตือนสังคมให้เห็นว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาช่วยกันดูแล หากเห็นอะไรที่ผิดก็ต้องช่วยกันกระตุ้นเตือน ปล่อยไปก็จะเกิดผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเราชาวพุทธ กระทบต่อสถาบันศาสนา ถึงแม้บางครั้งจะยังไม่ใช่เหตุการณ์ที่รุนแรง แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนไปจากบรรทัดฐานเดิม ดังนั้น เราต้องเฝ้าระวัง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ที่เห็นว่าเด็กทำผิดก็ต้องเตือนกัน”ผอ.สำนักเฝ้าระวังฯ กล่าว

 วันเดียวกันเมื่อเวลา 13.30น. ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร.) ได้นำข้อมูล รูปถ่ายกุฏิ และรายละเอียดเกี่ยวกับวัดของพระสงฆ์ ที่ทำท่าแพลงกิ้งแล้วนำรูปโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตไปมอบให้กับดร.อำนาจ บัวศิริ รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ดร.อำนาจ กล่าวภายหลังได้รับข้อมูลว่า จากข้อมูลที่ได้รับมาทำให้ทราบชื่อวัดของพระสงฆ์ที่ทำแพลงกิ้งแล้ว และคาดว่าจะใช้เวลา 2 วันในการดำเนินการตรวจสอบ และเมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้วจะแจ้งไปยังเจ้าอาวาสวัดของพระสงฆ์รูปดังกล่าว เพื่อให้ทำการตักเตือน ซึ่งการดำเนินการของนายสงกานต์ แสดงให้เห็นว่าหากเมื่อใดที่พระสงฆ์มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็จะโดนตรวจสอบจากพุทธศาสนิกชนได้ทุกเมื่อ จึงจะเป็นสิ่งที่คอยเตือนพระสงฆ์ให้มีพฤติกรรมอยู่ในสมณสารูปโดยตลอด ทั้งนี้การที่พระสงฆ์จะใช้เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ก็ควรที่จะใช้เทคโนโลยีไปในทางสร้างสรรค์ เช่น การเผยแผ่ธรรมะ ให้คติเตือนใจ เป็นต้น

 ด้านนายสงกานต์ กล่าวว่า จากการที่มีผู้แจ้งเบาะแสพร้อมส่งภาพของกุฎิและชื่อวัดมาด้วย ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพพระแพลงกิ้ง พบว่า มีส่วนคล้ายกันมาก จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่าเป็นกุฎิภายในวัดกลางเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรีใช่หรือไม่ นอกจากนี้ ในวันที่ 22 มิ.ย. เวลา 11.00น. ตนจะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่กองปราบปรามและเมื่อแจ้งความที่กองปราบฯแล้วก็จะถือว่าหมดหน้าที่ของตน เพราะตนไม่มีอำนาจไปดำเนินการกับพระสงฆ์รูปดังกล่าว คงต้องให้เป็นหน้าที่ของทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป