ไลฟ์สไตล์

คันฉ่องและโคมฉายธรรมะสำหรับนักบริหาร (9)-ยิ้มได้เมื่อภัยมา

คันฉ่องและโคมฉายธรรมะสำหรับนักบริหาร (9)-ยิ้มได้เมื่อภัยมา

16 มิ.ย. 2554

คนส่วนมากพร้อมที่จะยอมรับช่อดอกไม้เมื่อทำงานสำเร็จ แต่ไม่พร้อมที่จะยอมรับเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ดังนั้นผู้บริหารยังจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จถ้ายังไม่พร้อมที่จะยอมรับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐในราคาที่เท่ากัน

เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้บริหารสามารถให้ราคาระหว่างคำชมคำด่าดอกไม้และก้อนอิฐ สำเร็จและล้มเหลว ด้วยราคาที่เท่ากัน เมื่อนั้นคุณเป็นผู้บริหารมืออาชีพ แต่ถ้าคุณเป็นผู้บริหารที่รับเฉพาะด้านที่ดี แต่ในด้านที่ล้มเหลวยกให้ลูกน้อง นั่นยังไม่ใช่ผู้บริหารมืออาชีพ

ในวันที่ โทมัส อัลวา เอดิสัน ได้พบกับอุบัติเหตุครั้งสำคัญในชีวิตของท่าน คือโรงงานที่เมนโลพาร์กถูกไฟไหม้ เพื่อนผู้ร่วมวิจัยพนักงานหลายร้อยคนวิ่งหนีกันอลหม่านเอาตัวรอด เอดิสันมาจากงานแล้วก็เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ทุกคนร้องห่มร้องไห้เสียดายงานทดลองในนั้น แต่ โทมัส อัลวา เอดิสัน หนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนแปลงของโลกยืนยิ้ม แล้วบอกพนักงานไปเรียกภรรยามาดู พนักงานถามว่า ทำไมครับ ทำไมต้องเรียกภรรยามาดู เอดิสันบอกว่า มันสวยมาก เปลวไฟพวยพุ่ง มันสวยมาก ประกายของดวงไฟที่พวยพุ่งเป็นลำ เป็นรูป แตกต่างขึ้นไปสู่ฟ้าสีแดง เพลิงเช่นนี้ไม่ใช่จะหาดูได้ง่ายๆ พนักงานทุกคนร้องห่มร้องไห้ แต่เอดินสันคิดว่านี้คือสิ่งสุนทรีย์ของชีวิต

นี่แหละตัวอย่างของผู้บริหาร ในวันที่ฟ้าสดใส ก็แย้มยิ้มพิมพ์ใจ แต่ในวันที่ฟ้าหม่นก็ยังยิ้มแย้มอยู่ได้ เห็นไหม หายากนะคนอย่างนี้ เรียกว่ามีวุฒิภาวะในการบริหาร เห็นทั้งความสำเร็จ เห็นทั้งความล้มเหลวในราคาเดียวกัน ผู้บริหารเช่นนี้หาได้ยากมาก

หลวงวิจิตรวาทการเคยเขียนเอาไว้ว่า คนที่ยิ้มได้และน่าชื่นชมนี้นะ คือคนที่ยิ้มในเวลาวิกฤติ ท่านบอกว่า

เป็นการง่าย ยิ้มได้ไม่ต้องฝืน

เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์

แต่คนที่ควรชมนิยมกัน

ต้องมีใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา

ฉะนั้นผู้บริหารทุกคน ถ้าจะไปสู่การเป็นผู้บริหารมืออาชีพก็ต้องยอมรับได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ ในราคาเดียวกัน ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ก็เป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะในการบริหาร
คนส่วนใหญ่เมื่อภัยมาไม่ทันได้ยิ้ม ตกใจ ยิ้มหายหมดเลย อาตมาก็เจอประสบการณ์นี้ตรงๆ เลย จากคอร์สวิปัสสนากรรมฐานที่เชียงราย อาตมาสอนเจริญมรณสติ ขณะที่พิจารณาว่าเราทุกคนเป็นท่อนไม้ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในชีวิตของเรา เรากำลังตายอยู่ตรงนี้ ซักแป๊บหนึ่ง ฝนตก พายุซัด ลมกระหน่ำ เปียกฝน มะลอกมะแลก ทุกคนวิ่งเข้ากำบังหมด เหลืออาตมาอยู่รูปเดียว

ในสถานการณ์ที่เจียนอยู่เจียนไปหรืออันตรายถึงตัวมีใครยิ้มบ้าง ลืมรอยยิ้มที่มุมปากไปเลย ทุกคนวิ่งเข้าศาลาหมด อาตมาก็หลบฝนอยู่ข้างต้นฉำฉา แล้วก็จับไมค์ อาตมาก็บอกว่า ไหน เมื่อกี้เราฝึกกันไว้ไม่ใช่หรือว่าความตายมาแล้วเราจะไม่ประหวั่นพรั่นพรึง นี้ยังไม่ตายสักคน หนีกันหมดเลย

กระทั่งพระอาจารย์อยู่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ โอโหอาตมาให้ถ่ายภาพเลยว่านี้คือหลักฐาน มันชัดเจนว่าในทางปฏิบัตินี่ ไม่ใช่ง่าย ดังนั้นฝากไว้ด้วย ผู้บริหารทั้งหลาย เวลานาทีเป็นนาทีตายมาถึงยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้ไหม

ว.วชิรเมธี