ผู้ป่วยทุกสิทธิเท่าเทียมที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ | คมชัดลึก

เพื่อรองรับผู้ป่วยจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีที่มีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และมีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 4,000-5,000 คนต่อวัน

 ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนามอาคารนี้ว่า "อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์" ซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์และการบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย อีกทั้งยังเป็นศูนย์การรักษาโรคซับซ้อนที่มีมาตรฐานในระดับภูมิภาคเอเชีย ทั้งยังเป็นศูนย์การฝึกอบรมทางการแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทุกสาขา ตลอดจนศูนย์วิจัยทางเคมีและการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของประชาชนชาวไทยทุกคนด้วย เพื่อเป็นการแสดงความคืบหน้าของอาคารดังกล่าว คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้พาคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมอย่างละเอียด โดยอาคารแห่งนี้ได้กำหนดนโยบายการบริการไว้ว่า "ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางในการรักษา" เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยทุกคน

 ศ.นพ.อร่าม โรจนสกุล ผอ.ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะดำเนินการสร้างอาคารหลังนี้ ได้ศึกษาความต้องการของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยทุกคน ซึ่งผลที่ได้รับออกมานั้นคือทุกคนต้องการรักษาให้หายจากโรคต่างๆ ได้รักษากับแพทย์ที่เก่ง ซึ่งในศูนย์นี้มีแพทย์ทุกสาขา ต้องการความสะดวกรวดเร็วซึ่งเรามีบริการต่างๆ ให้อย่างครบครัน

 "ตอนนี้อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ตัวอาคารสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เริ่มเปิดบริการในบางส่วนแล้ว แต่สำหรับอุปกรณ์การแพทย์บางส่วนยังให้บริการได้ไม่เต็มที่ คาดว่าจะให้บริการแบบครบวงจรในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะเสด็จฯ มาทรงเปิดอาคารแห่งนี้ด้วย อาคารนี้นับเป็นความภาคภูมิใจของคณะแพทย์โรงพยาบาลรามาเป็นอย่างมาก อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีในอาคารแห่งนี้จะมีให้บริการกับผู้ป่วยทุกสิทธิ และยืนยันว่าทุกคนที่มาใช้บริการที่นี้มีสิทธิในการใช้อุปกรณ์การแพทย์เท่าเทียมกันหมด แม้อุปกรณ์นั้นจะราคาแพงก็ตาม และคาดว่าศูนย์การแพทย์แห่งนี้จะช่วยยกมาตรฐานการรักษาของประชาชนไทยทุกกลุ่มโดยโรงพยาบาลของรัฐด้วย" ผอ.แจง

 สำหรับอาคารแห่งนี้ประกอบด้วย ศูนย์การรักษาและศูนย์นวัตกรรม 3 ส่วนสำคัญ อาทิ ศูนย์การรักษาโรคซับซ้อน ศูนย์การรักษาโรคชั้นเลิศ คลินิกเฉพาะทาง ศูนย์นวัตกรรมด้านการชี้นำสังคม เป็นต้น