ไลฟ์สไตล์

ไอทีรีวิว : นิคอน D5300 รุ่นเล็กสเปกใหญ่

ไอทีรีวิว : นิคอน D5300 รุ่นเล็กสเปกใหญ่

25 พ.ค. 2557

ไอทีรีวิว : นิคอน D5300 รุ่นเล็กสเปกใหญ่

� � � � � � � � � � � � �เมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนได้รับกล้องดีเอสแอลอาร์ รุ่นเล็กที่มีลูกเล่นเด็ดขาด ทันสมัย อย่าง D 5300 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ มาทดลอง ร่วมกับเลนส์คิท 18-140 mm. f/3.5-5.6 G ED VR �และเลนส์เทเลโฟโต้ 70-300 mm. F4.5-6.3 VR เพื่อดูว่ากล้องตัวนี้มีดีเพียงใด�
� � � � � � � � � � � � �นิคอนวางตำแหน่ง D5300 ในระดับกล้องดีเอสแอลอาร์สำหรับมือสมัครเล่นที่จริงจังมากขึ้นกับการใช้งานจึงมีฟังก์ชันเพียบพร้อมสำหรับคนรุ่นใหม่และได้เพิ่มระบบจีพีเอส และไวไฟ เข้ามาด้วย ซึ่งทำให้การส่งภาพเข้าสู่สังคมออนไลน์เป็นไปได้ง่าย ทันใจ ผ่านสมาร์ทโฟนที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่น Nikon Wireless Utility�
� � � � � � � � � � � � �ในการใช้งานเพียงเปิดฟังก์ชัน Wireless บนตัวกล้อง และเปิดการใช้งานเครือข่ายไวร์เลสบนสมาร์ทโฟน พร้อมกับรันแอพพลิเคชั่น Nikon Wireless Utility ก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที นอกจากนั้นเมื่อเปิดฟังก์ชัน Live View บนตัวกล้อง ภาพจากหน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว หลังกล้องก็จะมาปรากฏบนหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต เพื่อเลือกจัดตำแหน่งโฟกัสและสั่งการถ่ายภาพ�
� � � � � � � � � � � � �ตัวกล้องเองได้รับการออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา กว้างเพียง 125 มม. ความสูง 98 มม. และความลึก 76 มม. และน้ำหนักเพียง 530 กรัม แต่โดยรวมยังคงความแข็งแรงและความทนทาน ของบอดี้ ส่วนการจับถือนั้นแม้กล้องจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ออกแบบกริปได้กระชับมือดีมาก
� � � � � � � � � � � � �จุดเด่นที่สำคัญอีกประการของกล้องตัวนี้คือ เซ็นเซอร์ ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล แบบ Nikon DX-format CMOS ชนิดที่ไม่มี optical low-pass filter ที่ทำงานร่วมกับระบบประมวลผล EXPEED 4 ที่ให้ภาพเคลียร์ ใส ความต่างของสี (Contrast) ชัดเจน สีสันของภาพดูสดมีสีสันมีชีวิตชีวา ซึ่งนับเป็นจุดเด่นสำคัญของกล้องนิคอน ดังจะเห็นได้จากภาพตัวอย่างที่นำมาให้ชม
� � � � � � � � � � � � �การตัด optical low-pass filter หรือที่รู้จักกันว่า Anti Aliasing Filter หรือ AA Filter ออกไปนั้น นับเป็นการท้าทายสำคัญของนิคอน เพราะฟิลเตอร์ตัวนี้ที่ปรากฏอยู่ในกล้องดิจิทัลแทบทุกรุ่นก่อนหน้านี้ มีหน้าที่สำคัญคือการเพิ่มรอยหยักของภาพ ทำให้ภาพดูนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น เป็นการลดจุดอ่อนของเซ็นเซอร์ภาพของกล้องดิจิทัลที่ทำงานโดยการรับแสงของพิกเซล แต่ละพิกเซลบนเซ็นเซอร์ ซึ่งเมื่อนำจุดแต่ละจุดมาประมวลผลกันในชิพประมวลผลภาพ ก็มักจะเกิดรอยหยักของวัตถุเป็นรอยแตกทรงสี่เหลี่ยม แต่เมื่อมี AA Filter จะช่วยให้รอยหยักดูละเอียดยิ่งขึ้น ทำให้ภาพดูซอฟต์ลง เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
� � � � � � � � � � � � �D 5300 ยังมาพร้อมกับโหมดการถ่ายวิดีโอ full-HD รองรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวขนาด 1920×1080/60p พร้อมโหมด Special Effects ที่สามารถปรับใช้กับทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว แสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว แบบปรับองศาได้ (vari-angle) ทั้งยังออกแบบให้มีก้านปรับการซูม/โฟกัส (Zoom/Focus Assist Lever) NAL-1 สำหรับการใช้งานเฉพาะกับเลนส์ NIKKOR ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอเป็นไปได้ง่ายขึ้น
� � � � � � � � � � � � �ข้อดีของกล้องตัวนี้คือน้ำหนักเบา จับถือถนัด ถ่ายภาพได้สดใส ชัดเจน แม้จะไม่ได้ลองใช้ ISO สูงสุดที่ 25600 เพื่อทดสอบปริมาณ นอยซ์ (Noise) หรือสัญญาณรบกวนในภาพ เนื่องจากนิคอนเคลมว่าลดนอยซ์ลงไปได้มาก แต่จากการถ่ายภาพโดยทั่วไปแล้ว ค่อนข้างประทับใจกับคุณภาพไฟล์ที่ได้ออกมา
� � � � � � � � � � � � �ส่วนข้อเสียก็คือ การที่กล้องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ทำให้เมื่อจับคู่กับเลนส์เทเลโฟโต้ 70-300 mm แล้ว น้ำหนักถ่วงจะค่อนไปทางด้านหน้า ทำให้เกิดการสั่นไหวระหว่างถ่ายภาพ ประกอบกับการที่นิคอนรวมศูนย์ควบคุมการตั้งค่าเพื่อการถ่ายภาพไว้ที่ปุ่ม i ทำให้การปรับตั้งค่าต่างๆ เป็นไปได้ยาก ต้องลดกล้องลงมาเพื่อปรับค่าอยู่ตลอด�
� � � � � � � � � � � � �ในภาพรวมแล้ว นิคอน D 5300 เหมาะกับตากล้องมือสมัครเล่นที่เริ่มจะเอาจริงเอาจังกับการถ่ายภาพ และต้องการเล่นสนุกกับภาพ ด้วยฟังก์ชันการแต่งภาพที่มีอยู่ในตัวกล้องทั้ง �Fish-eye Selective Color, Color Sketch, Miniature Effect, Night Vision, Silhouette, High Key, Low Key �Toy Camera Effect และ HDR Painting เพื่ออวดเพื่อนฝูงในโลกออนไลน์ได้ทันที�