
เปิดใจแม่ "เด็กชาย" 13 ปี หลังร้องเพจดัง โดนทำร้าย ไล่ไปอยู่วัด อยากกลับไทย
เปิดใจแม่ "เด็กชาย" 13 ปี หลังโดนโซเชียลโจมตีหนัก ลูกชาย ร้องเพจดัง โดนทำร้ายร่างกาย ไล่ไปอยู่วัด ขอกลับไทยไปอยู่กับยาย
จากกรณีที่ เพจดัง อีซ้อขยี้ข่าว3 ได้โพสต์ว่ามี "เด็กชาย" วัย 13 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ หลังน้องย้ายไปอยู่กับ แม่ ที่มาเลเซียและถูกแม่ทำร้ายร่างกาย จนเป็นร่องรอยแผลถูกขีดข่วนที่ลำคอ น้องเล่าว่า ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่กับยายที่เชียงราย แม่ได้มารับไปอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ที่มาเลเซียน้องไม่ได้เรียนหนังสือ และแม่ชอบใช้ความรุนแรงเป็นประจำ ทั้งบีบคอ แถมยังถูกพ่อเลี้ยงชาวมาเลเซีย ชอบกลั่นแกล้งไล่น้องให้ไปอยู่วัด จนพระที่นั่นสงสารอยากให้พาน้องกลับไทยแต่ทางแม่ไม่ยอม ส่วนตัวน้องพยายามติดต่อหาเพื่อนและญาติคนไทย เพื่อช่วยติดต่อสถานทูต ให้พาตัวน้องกลับไทยมาอยู่กับยาย แต่พาสปอร์ตหมดอายุ และไม่มีเงินมากพอที่จะกลับประเทศ ทราบว่าอาศัยอยู่ที่ รัฐเประ ไทปิง ประเทศมาเลเชีย
ต่อมาวันที่ 12 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตามหาบ้านของ เด็กชาย 13 ปี ตามที่โพสต์ ทราบว่า อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านห้วยไร้ ม.6 ต.แม่ไร้ อ.แม่จัน ได้พบกับ นางบู่ยู้ เป็นยายของ เด็กชาย 13 ปี ที่ร้องขอความช่วยเหลือ โดยวิดีโอคอลไปพูดคุยกับ นางสุนารี (สงวนนามสกุล) แม่ของเด็กชาย ที่อยู่ รัฐเประ ไทปิง ประเทศมาเลเชีย ทราบว่า นาสุนารี ได้ให้ เด็กชาย อยู่กับยายเลี้ยงตั้งแต่อายุ 8 เดือนที่ ส่วนนางสุนารีได้เลิกลากับอดีตสามีไป จึงได้ไปทำงานที่มาเลเซีย และได้แต่งงานใหม่อยู่ด้วยกันมา 7 ปี และได้มีลูกกับสามีใหม่อายุ 4 ขวบ จึงได้มีแนวคิดอยากให้ลูกชายมาเรียนหนังสือที่มาเลเซีย จึงได้ไปรับตัวมาอยู่ด้วยประมาณ 1 ปี
ตลอดเวลาที่อยู่ที่บ้าน ลูกชาย เอาแต่เล่นโทรศัพท์ ให้ไปเรียนยังไม่ได้ เพราะไม่ได้ภาษาอังกฤษและจีน จึงอยากจะให้ฝึกฝนไปก่อน แต่ ลูกชาย อยู่ที่มาเลเซียไม่ยอมไปที่ไหน จึงไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ จึงมีแนวคิดว่า จะพาไปเรียนที่วัดในมาเลเซียก่อน ซึ่งหลวงพ่อสามารถพูดไทยได้ พาไปอยู่ที่วัด 2-3 วันก็พากลับบ้าน บางทีประมาณ 1 อาทิตย์ไปรับกลับบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่า เด็กชาย บอกว่า แม่นำไปปล่อยวัด ทั้งที่อยากจะให้ไปปรับตัวเรื่องภาษาเท่านั้นไม่ใช่ตามที่เป็นข่าว
อีกทั้ง เด็กชาย อ้างว่า ถูกแม่ทำร้ายร่างกายนั้นไม่เป็นความจริง เกิดจากที่ห้ามไม่ให้เล่นโทรศัพท์ เพราะ ลูกชาย จะก้มเล่นแต่โทรศัพท์ แม้แต่นั่งกินข้าวบนโต๊ะก็ก้มเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา ไม่ละทิ้งสายตาจากโทรศัพท์ จึงได้ปิดสัญญานอินเตอร์เน็ต ทำให้มีปากเสียงกันระหว่าง ลูกชาย ชกต๋อยกับแม่ เกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ทำให้ต่างเป็นรอยแผล แต่ นางสุนารี ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ เพราะยังไงก็ลูก แต่ ลูกชาย ได้ถ่ายเก็บไว้จึงนำมาร้องผ่านโซเชียล ทำให้กระแสสังคมโจมตีมาที่เธอ ซึ่งเธอก็เข้าใจหากคนเป็นแม่ทุกคนเห็นก็คิดเหมือนกัน
ในส่วนของยายคนที่เลี้ยง เด็กชาย มาจนโต เล่าว่า หลานชายถือว่าเรียนเก่ง เป็นคนชอบเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ไม่ชอบไปเล่นที่ไหนกับเพื่อน จะชอบเล่นแต่โทรศัพท์ ในส่วนที่หลานชายจะกลับมาตนเองก็ดีใจเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก รักหลานคนนี้มาก ซึ่งได้มีการติดต่อกับหลานชายทุกอาทิตย์ และหลานชายยังบอกว่า อยากจะกลับมาอยู่ที่บ้านเมืองไทย
ซึ่งในเช้าวันนี้ทาง สถานทูต ได้ติดต่อมาแล้ว จึงให้พี่ชายของนางสุนารีได้นั่งรถไปรับ คาดว่าจะไปถึงที่ชายแดนมาเลย์ในช่วงเย็นวันนี้ 13 ก.ค. 2567 หรือเช้าวันที่ 14 ก.ค. 2567 ทาง นางสุนารี จะนำ ลูกชาย มาส่งให้ที่ด่านพรมแดน เนื่องจากตนเองไม่สามารถกลับมาได้เพราะต้องดูแลลูกวัย 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นมะเร็ง