เด่นโซเชียล

ม้วนเดียวจบดราม่า 'สาวอินโดนีเซีย' ตม.ไทย สรุปมากับสามีหรือมาคนเดียว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ม้วนเดียวรู้เรื่องดราม่าข้ามประเทศ 'สาวอินโดนีเซีย' VS ตม.ไทย สรุปมากับใครสามีหรือคนเดียว เรื่องนี้ตำรวจยอมไม่ได้กระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยว

กลับมาเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอีกครั้งสำหรับเรื่องราวของ "สาวอินโดนีเซีย" รายหนึ่งที่เธอได้อัดคลิปเพื่อเล่าเรื่องการทำงานของ ตม.ไทย ผ่านทาง TikTok @herjastip_ โดยเธอระบุว่า เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมาเธอและสามี ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อฮันนีมูน แต่สามีเธอกลับติด ตม. เพราะไม่มีเงินสดติดตัว ส่วนเธอต้องดิ้นรนหาตู้ ATM เพื่อกดเงินสดและนำมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ ท้ายที่สุดสามีเธอถูกส่งตัวกลับ และเธอจะต้องเปลี่ยนแผนไปฮันนี่มูลที่ญี่ปุ่นแทน 

 

ภาพจาก ตม.
 

เรื่องราวของ "สาวอินโดนีเซีย" ไม่ได้จบแค่นี้ เพราะล่าสุด ตม. ออกมาชี้แจงเพื่อโต้กลับว่า สาวรายดังกล่าวได้เดินทางเข้าไทยมาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบกล้องวงจรที่บริเวณ ตม. สนามบินดอนเมืองเดียว ดูเหมือนเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่หลังจากนั้น "สาวอินโดนีเซีย" ก็ได้มีการอัดคลิปโต้กลับอีก รวมทั้งสถานทูตอินโดนีเซีย เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและได้ออกประกาศเตือนผ่านเฟซของสถานทูต

 

 

ภาพจาก ตม.

เรื่องราวดราม่าชวนปวดหัวของ  "สาวอินโดนีเซีย"  และ ตม.ไทย จะเป็นอย่างไร และเรื่องนี้ใครกันแน่ที่กำลังแต่งบทละครตบตาชาวโซเชียลอยู่ คมชัดลึก สรุปมาให้ดังนี้ 

1.เริ่มต้นจากที่ "สาวอินโดนีเซีย" อัดคลิปลงใน Tiktok เล่าเรื่องราวของเธอและสามีขณะเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยโดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนมกราคม แต่สามีเธอดันติด ตม. และถูกส่งตัวกลับ ทำให้เธอต้องเที่ยวประเทศไทยคนเดียว และเปลี่ยนสถานที่ไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแทน เธอระบุว่า เหตุที่ทำให้สามีติด ตม. เพียงเพราะไม่มีเงินสดเท่านั้น 

 

 

2. หลังจากนั้นกรณีของ "สาวอินโดนีเซีย" และสามีกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหลังจากที่ สถานทูตอินโดนีเซียได้โพสต์ประกาศเตือน เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงผ่านเฟซของสถานทูต ส่งผลให้ทางการไทยรู้สึกเดือดร้อนจนต้องสืบหาความจริง เพราะกรณีนี้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์อย่างมาก 

 

 

3.ตม.ไทยไม่นิ่งนอนใจ เร่งตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน โดยล่าสุด พล.ต.ต. เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ โฆษก สตม. ได้แถลงสรุปรายละเอียดว่า "สาวอินโดนีเซีย" เที่ยวบิน FD395 จาการ์ตา - ดอนเมือง เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา แต่ในวงจรปิดกลับพบว่า เธอเดินทางเข้าไทยเพียงคนเดียว และเดินทางกลับประเทศในวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ทางสนามบินสุวรรณภูมิ  เธออยู่ไทยนานกว่า 13 วัน และเดินทางกลับปเพียงคนเดียวเท่านั้น 

 

 

4.หลังจากนั้น "สาวอินโดนีเซีย" ได้โต้กลับอีกรอบ พร้อมกับชี้แจงรายละเอียด โดยเธอบอกว่า เธอไม่ได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยแค่คนเดียว เพราะความจริงคือเธอเดินทางไปกลับสามี ขากลับเธอไปเช็กอินที่สนามบินดินเมืองในวันที่ 15 มกราคม เวลา 10.00 น.แต่ลับประเทศตัวเองไม่ได้ ส่งผลให้ในวันที่ 16 เธอต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อซื้อตั๋วอีกรอบ เพราะเธอซื้อตั๋วผิดทำให้เธอต้องเดินทางกลับอีกวัน 

 

 

สาวอินโดนีเซีย

 

 

5.ส่วนสาเหตุที่ ตม. ประเทศจะต้องเข้มงวดคนเข้า-ออกประเทศ เพราะคนเข้าเมืองส่วนใหญ่ไม่สามารถแสดงแผนท่องเที่ยว ไม่มีการจองที่พัก หรือใช้ใบจองที่พักปลอมเพื่อตบตา อีกทั้งคนอินโดนีเซียจำนวนมากถูกหลอกให้บินเข้าไทย เพื่อไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เข้าข่ายเสี่ยงค้ามนุษย์ 

 

 

เรื่องราวโอ้ละพ่อของ "สาวอินโดนีเซีย" และ ตม. ไทยจะเป็นอย่างไรต่อไปคงจะต้องรอการตรวจสอบรายละเอียดกันอีกครั้ง เพราะกรณีนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยค่อนข้างมาก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อนโยบายเปิดฟรีวีซ่าและการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาลด้วย 


   

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ