เด่นโซเชียล

'นักเรียน' ร้อง ครู สั่งนอนคว่ำบนโต๊ะ ใช้ ไม้เรียว หวดยกชั้น แลก สอบซ่อม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สอบตกยกชั้น 'นักเรียน' โรงเรียนย่านสาทร ร้อง 'ครู' สั่ง นอนคว่ำบนโต๊ะ ใช้ ไม้เรียว หวดลงโทษ เพื่อแลกกับการสอบซ่อม

“ครู” กับ “ไม้เรียว” หากพูดถึงในอดีต มองเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่ครูกับไม้เรียว เป็นของคู่กัน เพื่อใช้ลงโทษ “นักเรียน” ซึ่งเวลาที่ครูตีเด็ก ก็มักจะบอกว่า อยากให้เด็กเป็นคนดี หรือไม่ก็ต้องการให้เขาเป็นคนมีวินัย คำพูดแบบนี้คงใช้ได้เฉพาะคนรุ่นเก่า แต่ดูเหมือนในปัจจุบัน จะไม่ได้ผล หรือ “ครู” บางคนก็ลงโทษเกินกว่าเหตุ

 

 

 

 

 

เช่นล่าสุด เพจ นักเรียนเลว ได้โพสต์ข้อความว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2566 พบครูสั่งนักเรียนนอนลงบนโต๊ะ และใช้ไม้เรียวหวดซ้ำ กลางชั้นเรียนวิชาภาษาไทย ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านสาทร กทม. เนื่องจาก นักเรียนสอบตกยกชั้น มีเพียงคนเดียวที่ผ่าน

 

นักเรียนร้องครูใช้ไม้เรียวตียกชั้นแลกสอบซ่อม

ผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ลงโทษดังกล่าว สร้างความสะเทือนขวัญอย่างมาก “นักเรียน” ที่สอบตก ถูกสั่งนอนคว่ำบนโต๊ะเรียน และถูกตีด้วยไม้เรียว 4 - 5 ครั้ง จนเป็นรอยแดง ปวด จนตอนนี้ก็ยังไม่หายดี นอนทับแผลแล้วรู้สึกเจ็บ

 

 

 

 

ขณะที่เพื่อนรอบข้างไม่เห็นด้วยต่อการกระทำดังกล่าว ก่อนที่ “ครู” จะลงโทษ ได้ขอให้ทำโทษด้วยวิธีการอื่นแทน เช่น ลุก-นั่ง, สควอตจัมพ์ เป็นต้น แต่ครูขู่ หากไม่ให้ตีจะไม่ให้สอบซ่อม ทุกคนจึงต้องยอมถูกตี

 

 

 

 

ด้านผู้ปกครอง ได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเริ่มมีการรวมกลุ่มเพื่อหารือถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ล่าสุด ยังอยู่ในชั้นกรรมการสอบสวน และยังไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆ เพิ่มเติมจากทั้งทางโรงเรียนและครูผู้ก่อเหตุ

 

ขณะที่ มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น กรณีครูทำโทษนักเรียน อาทิ ตกยกห้องต้องประเมินครูหรือเปล่า, สอนยังไงเด็กตกยกชั้น บางคนก็บอกว่าโทษครูไม่ได้ 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้นำการลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีออกไปตั้งแต่ปี 2543 และ ระเบียบว่าด้วยเรื่องการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาปี 2548 ได้กำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจนว่ามีเพียง

 

 

  1. ว่ากล่าวตักเตือน
  2. ทำทัณฑ์บน
  3. ตัดคะแนนความประพฤติ
  4. ทำกิจกรรมเพื่อปรับพฤติกรรม หากมีการลงโทษนอกเหนือจากนี้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและสามารถถูกสั่งฟ้องคดีได้เช่นกัน

 

 

 

ที่มา : เพจนักเรียนเลว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ