สะเทือนใจ 'ร้านอาหารตามสั่ง' ปิดร้านชั่วคราว อ่านข้อความทำลูกค้าจุกอก

กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความจุกอกให้แก่ผู้พบเห็น เมื่อครอบครัว 'ร้านอาหารตามสั่ง' ครอบครัวหนึ่งในย่านชุมชนบวกครกหลวงใหม่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมืองเชียงใหม่ ได้ติดประกาศแจ้งลูกค้า ขอปิดร้านชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 2566 เพื่อไปใช้เวลาอยู่กับลูกชายที่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายและขอร้องลูกค้าอย่างทอดทิ้งกัน

 

 

ซึ่งทาง ร้านอาหารตามสั่ง "วิน วิน" ที่ล่าสุดได้มีการประกาศปิดร้านชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 2566 อย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่า "ขอหยุดร้านหลายวัน หรืออาจจะถึงเดือน เนื่องจากลูกชายป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จึงแจ้งมาให้ลูกค้าทราบโดยทั่วกัน ว่าอยากใช้เวลาอยู่กับลูก ขอลูกค้าอย่าเพิ่งทิ้งกัน" ข้อความดังกล่าวที่ติดอยู่หน้าร้านทำให้ลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมา รวมถึง พ่อค้าแม่ค้า ที่ค้าขายอยู่ ร้านอาหาร ติดกันถึงกับสะเทือนใจและรู้สึกสงสารครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก

 

นายประสิทธิ สิทธิชุม พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวที่มีร้านติดอยู่กับ ร้านของครอบครัวนี้ ได้เผยว่า ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและรักกันมากมีกันอยู่ 3 พ่อแม่ลูก แล้วพ่อก็ทำอาหารเก่งมากๆ มีลูกค้ามารอต่อคิวกินกันอย่างมากในแต่ละวัน แต่เรื่องที่ลูกเขาป่วยนั้น ไม่มีใครรู้มาก่อนมาดูอีกทีก็ตอนเขาประกาศป้ายเพราะเขาไม่ได้บอกให้ใครรู้เพียงแต่ว่าลูกเขาเป็นเด็กพิเศษที่ไม่สามารถพูดได้และเดินไม่ค่อยแข็งแรง ที่ผ่านมาก็อยู่ด้วยกันมาตลอดก็หยอกล้อเล่นกัน ตามประสาคนแก่กับเด็กน้องเป็นคนที่น่ารักมากๆ ก็อยากจะเป็นกำลังใจให้ครอบครัวนี้ ขอให้มีปาฏิหาริย์ให้น้องหายป่วย

 

 

เช่นเดียวกับ นายอุทิศ แซ่ลี พ่อค้าหอยทอดที่มีร้านอยู่ตรงข้าม ก็ได้เผยว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่น่ารัก เห็นน้องแทบจะทุกวันถ้าแม่พาน้องมาช่วยขาย อาหารตามสั่ง และตนก็มาทราบข่าวอีกทีตอนที่ ทางพ่อของเด็กได้มาปิดร้าน เพื่อที่จะพาลูกกลับไป รักษาตัวที่บ้านเกิดในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็ขอให้น้องกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

 

 

นางสุภาภรณ์ มอแลกู่ อายุ 32 ปี และ นายอารียา มอแลกู่ อายุ 42 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของร้าน บอกว่า เปิดขายอาหารมาได้ประมาณ 8 ปีแล้ว แม้จะเป็นร้านอาหารเล็กๆ แต่ก็มีความสุข โดย ลูกชาย เป็นเด็กพิเศษพูดไม่ได้ ที่ผ่านมาแม้ว่าจะเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยบ่อย แต่ก็มาอยู่ที่ร้านและช่วยงานเป็นประจำ

 

 

กระทั่งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตรวจพบว่าลูกชายป่วยเป็น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ระยะสุดท้าย และมีอาการแทรกซ้อนหลายโรค ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ 1 สัปดาห์ ซึ่งตนเองกับสามีได้พูดคุยกับทางแพทย์และทราบว่าน้องก้าวมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง และมีโรคแทรกซ้อนอีกหลายโรค ทำให้การรักษาด้วยวิธีทำคีโม หรือฉายแสง ทำให้น้องอาจมีอาการแย่ลง และทุกข์ทรมาน ทางครอบครัวจึงตัดสินใจปิดร้าน และเดินทางกลับบ้านที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อขอใช้เวลาอยู่กับลูกชายให้นานที่สุด จึงพากลับมาที่บ้านเกิดดีกว่าและใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคอง พยุงอาการไปต่อเนื่อง

 

 

 

 

โดย : ธนกร วงศ์นาง